Tuesday, March 29, 2011

ผู้ต้องขังเสื้อแดงเชียงใหม่ร่ำไห้วอนแกนนำช่วยประกันตัว


เมื่อวานนี้ (10 มีนาคม 2554) เวลา 9.00น. แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) “แดงทั้งแผ่นดิน” นำโดย ธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธาน นปช. สมหวัง อัสราษี วรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ วรชัย เหมะ และรังษี เสรีชัย ร่วมด้วยแสวง บุตรดา ตัวแทนของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 พร้อมทั้งบรรดาญาติผู้ต้องขัง ได้เข้าเยี่ยมผู้ต้องขังคดีเสื้อแดงกรณีร่วมกันฆ่านายเศรษฐา เจียมกิจวัฒนา บิดาของนายเทิดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา หรือ "โต้งวิหค" ดีเจแกนนำพันธมิตรในเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างเสื้อเหลืองกับเสื้อแดงที่ทางเข้าหมู่บ้านระมิงค์เมื่อปลายปี 2551 (www.prachatai.com/journal/2008/11/19102) ซึ่งศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้อ่านคำพิพากษาในวันที่ 8 เมษายน 2553 ตัดสินให้จำคุกจำเลยคนละ 20 ปี คดีอยู่ในระหว่างอุทธรณ์

แกนนำ นปช. ได้เข้าพูดคุยสอบถามจำเลยและญาติ ในบรรยากาศที่หดหู่ เต็มไปด้วยน้ำตาจากความคับแค้น



ธิดากล่าวว่า แม้จะไม่ใช่คดีที่เกิดจากการสลายการชุมนุมเม.ย - พ.ค. 53 แต่แกนนำก็มาร่วมรับฟังเพื่อทราบปัญหา ได้ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับคดีโดยตลอด ไม่ได้ทอดทิ้ง รู้สึกเสียใจกับพี่น้องทุกคน สิ่งสำคัญที่สุดคือการต่อสู้คดีเพื่อความยุติธรรม คนเสื้อแดงสมควรต้องได้รับการประกันตัวทั้งสิ้น และรับปากว่าจะช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยในครั้งนี้แกนนำ นปช.ได้มอบเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ต้องขังรายละ 2,000 บาทรวมทั้งสิ้น 6 ราย



นพรัตน์ แสงเพชร หนึ่งในจำเลยผู้ต้องขังกล่าวว่า ศาลตัดสินคดีโดยใช้หลักฐานเพียงภาพถ่ายและคลิปวิดีโอ ซึ่งขณะเกิดเหตุเสียชีวิตไม่ปรากฏภาพของตนแต่อย่างใด พร้อมทั้งยืนยันว่า นี่คือหนึ่งในคดีเสื้อแดง

ปนัดดา แสงเพชร น้องสาวของ "นพรัตน์" เล่าว่า แม่ต้องป่วยกระเสาะกระแสะเนื่องจากช้อกจากการที่ลูกชายถูกตัดสินจำคุกถึง 20 ปีทั้งที่พยานหลักฐานก็ไม่ชัดเจน ส่วนครอบครัวต้องถูกยึดบ้านและรถ ต้องนำทรัพย์สินเก่าที่เคยมีออกขายเพื่อดำรงชีวิต เนื่องจาก "นพรัตน์" เป็นกำลังหลักในการหารายได้ให้ครอบครัว ทั้งนี้ "ปนัดดา" ได้กล่าวขอบคุณแสวง ในฐานะตัวแทนกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่ช่วยเหลือจากกลุ่มด้วยดีตลอดมา แต่ก็อยากให้พี่น้องเสื้อแดงอื่นๆ ได้เข้ามาร่วมกันช่วยพี่ชายตนด้วย

สมศักดิ์ อ่อนไสว ผู้ต้องขังอีกคนหนึ่งเล่าทั้งน้ำตาแสดงความน้อยใจว่า ขาดคนดูแลทั้งที่เวลาผ่านไปสองปีกว่าแล้ว ภรรยาจะมาเยี่ยมๆ บ่อยๆ ก็ไม่ได้เพราะลำพังการดำเนินชีวิตก็ลำบากขัดสนอยู่แล้ว ยืนยันได้ว่าตนไม่ใช่ผู้กระทำผิด

อุดม เมฆขุนทด ภรรยา "สมศักดิ์" (www.prachatai.com/journal/2011/01/32675) ได้นำจดหมายของสมศักดิ์มาแสดงให้แก่แกนนำที่มาเข้าเยี่ยมด้วย





พยอม ดวงแก้ว, บุญรอด ไชยมโน และ แดง ปวนมูล จำเลยในคดีเดียวกันอีกสามคน ได้แสดงความต้องการประกันตัวอย่างเร่งด่วนในระหว่างอุทธรณ์ โดยขอความช่วยเหลือจากแกนนำ นปช. และผู้เกี่ยวข้อง

แสงทอง ดวงแก้ว ภรรยาของ "พยอม" เล่าว่า "พยอม" มีอาชีพขายน้ำแข็งไส ไปสมัครเป็นการ์ดแล้วเขาไม่รับ แต่ก็ยังไปขายของในที่ชุมนุมทุกครั้ง ตนและพยอมมีภาระต้องเลี้ยงดูหลานชายอายุ 7 ขวบ ซึ่งมีอาการลิ้นหัวใจรั่ว เคยผ่าตัดสมองมาก่อน ทั้งเด็กยังมีอาการออทิสม์หรือที่เรียกว่า "เด็กพิเศษ" อีกด้วย

บัวจันทร์ ปวนมูล มารดาของ "แดง" เป็นแม่ค้าขายผักริมทาง สุขภาพไม่ดีเนื่องจากอายุมากแล้วยังต้องมาคอยดูแลลูกชาย จึงไม่ค่อยได้ขายของ อยากให้ลูกชายได้ประกันตัวออกมา

ส่วนประยุทธ บุญวิจิตร เป็นผู้ต้องขังรายเดียวที่ไม่มีญาติเข้าเยี่ยมด้วยในวันนี้เนื่องจากภรรยาประยุทธเป็นคนสติไม่สมประกอบและได้รับประสบอุบัติเหตุถูกรถชนเดินไม่ได้ ก่อนหน้าจะถูกจับกุม "ประยุทธ" ประกอบอาชีพเก็บของเก่าขาย อาศัยอยู่เพิงสังกะสีบริเวณหลังวัดโลกโมฬี และตัว "ประยุทธ" เองก็มีปัญหาสุขภาพจิตตั้งแต่ก่อนถูกจับกุมด้วยเช่นกัน



ส่วนคดีเสื้อแดงที่เกิดขึ้นภายหลังการสลายการชุมนุมนั้น เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางจังหวัดเชียงใหม่ (ชาย) แจ้งว่าได้รับการประกันตัวออกไปทั้งหมดแล้ว แต่บางรายยังไม่ทราบชัดว่าเป็นผู้ต้องขังในคดีเกี่ยวกับเสื้อแดงหรือไม่ โดยเฉพาะรายที่ยิง m79 ใส่บ้านของคะแนน สุภา พ่อตาของเนวิน ชิดชอบ (www.prachatai.com/journal/2010/11/32026)

Monday, March 21, 2011

ชีวิตลูกเมียผู้ต้องขัง คดีแดงปะทะเหลืองเชียงใหม่

นักข่าวพลเมือง: ชีวิตลูกเมียผู้ต้องขัง คดีแดงปะทะเหลืองเชียงใหม่


เช้าวันเด็กแห่งชาติเมื่อเสาร์ก่อนที่สนามเด็กเล่นเล็กๆ ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง อุดมพาลูกสาววัยสามขวบซึ่งจริงๆ แล้วเป็นลูกของน้องสาวตัวเองที่รับมาช่วยเลี้ยงดูร่วมกับสมศักดิ์ อ่อนไสว สามีที่ตอนนี้ถูกจับและถูกจองจำตลอดมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2552 ด้วยคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาอยู่ที่เรือนจำกลางเชียงใหม่ อันเนื่องมาจากเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างคนเสื้อแดงกับฝ่ายตรงข้ามในการชุมนุมทางการเมือง (อ่านเพิ่มเติม: สั่งจำคุก 20 ปี ไม่รอลงอาญา-ห้ามประกัน5 แกนนำเสื้อแดงเชียงใหม่ / รักเชียงใหม่ 51 ปะทะเดือดเจ็บ 2 ฝ่าย พ่อแกนนำทหารเสือพระราชาดับ)

มองเผินๆ แล้ว เด็กหญิงคนนี้ก็เหมือนเด็กอื่นทั่วไปที่อยากเล่นอยากรู้อยากเห็น แต่เมื่อสังเกตติดตามไปสักพักหนึ่งก็เห็นว่า เด็กมีนิสัยเก็บตัวไม่กล้าเข้าร่วมกลุ่มกับเด็กอื่นๆ
หนึ่งในนักศึกษาที่เป็นทีมงานจัดกิจกรรมวันเด็กครั้งนี้เข้าไปพูดคุยและชวนน้องเล่นกันสองคน เด็กหญิงก็เล่นด้วย แต่เมื่อชวนให้ร่วมกิจกรรมเล่นเกมหรือวาดรูปแข่งกับคนอื่น เด็กหญิงกลับหลบไปแอบเกาะติดอยู่กับแม่ จะเป็นด้วยความที่ตัวเล็กกว่าคนอื่น หรือด้วยความที่ขาดบางสิ่งบางอย่างหรือไม่ ที่ทำให้เด็กหญิงไม่กล้าเข้าร่วมกลุ่มกับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกัน

การพบเจอกันเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ คงไม่สามารถจะสรุปได้ แต่ใครๆ ก็คงรู้สึกได้ไม่ต่างกันนัก

จากที่มีโอกาสได้พูดคุยกับ "อุดม" ในวันถัดมา ได้ความว่า หลังจากที่ "สมศักดิ์" ถูกจับ ชีวิตก็ต้องระหกระเหินย้ายที่อยู่บ่อยครั้ง อาชีพการงานไม่เป็นหลักแหล่ง "สมศักดิ์" เคยขับสามล้อรับจ้างหาเลี้ยงดูแลครอบครัว แต่เมื่อถูกจับกุมก็ไม่เคยได้รับสิทธิในการปล่อยตัวชั่วคราวเพื่อต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่เลย ยังไม่ถึงปีดี ก็มีคำพิพากษาศาลให้จำคุก 20 ปี ซึ่งทนายความแจ้งกับ "อุดม" ว่าคดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ แต่ในสำเนาคำพิพากษาระบุว่าสมศักดิ์ "ไม่ได้ยื่นคำให้การ" ...

แม้จากปากคำของอุดมจะเล่าว่าสมศักดิ์ในขณะที่ต้องขังอยู่นี้ยังคงเชื่อว่า "ถ้าเราไม่ได้กระทำผิดจริงคงจะไม่เป็นอะไรหรอก" แต่คำแนะนำของทนายความ คือ ให้รอ...

แม้ "อุดม" จะได้รับการติดต่อจากหน่วยงานสิทธิมนุษยชนที่มีหน้าที่ช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ได้อะไรมากไปกว่าเงินช่วยเหลือส่วนตัวเพื่อการศึกษาเด็กจำนวน 3,000 บาทจากเจ้าหน้าที่บางรายที่เห็นอกเห็นใจ

อุดมประสบชะตากรรมเหมือนกับอีกหลายครอบครัวที่ไม่รู้ว่าจะหาความช่วยเหลือได้จากที่ไหนอีก ไม่ว่าในทางคดีหรือทางความยากลำบากในชีวิตส่วนตัว

ปัจจุบันอุดมรับจ้างนวดแผนโบราณอยู่ที่โรงแรมเล็กๆ และอาศัยอยู่ในโรงแรมแห่งนั้นกับลูกสาววัยสามขวบ

==============================================================





==============================================================
ร่วมช่วยเหลือ "ครอบครัวผู้ต้องขัง"
บัญชี : นางแสงทอง ดวงแก้ว กับ นางอุดม เฆมขุนทด (ของครอบครัวโดยตรงครับ)
ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด สาขาตลาดสันทราย
เลขที่ 772-0-05572-7

Thursday, March 3, 2011

บทเรียนจาก ‘กัดดาฟี่’ !!!


ขณะที่ ‘โอบามา’ สั่งอายัตทรัพย์สินในอเมริกา ของนายกัดดาฟี่ 30 $ billion, แถมหลังสุดยังด่าว่าเขาเป็นคนบ้าไปแล้ว
และอเมริกากำลังเคลื่อนกองกำลังเข้าไปในลิเบีย - ส่วนองค์การสหประชาชาติได้ประกาศประณาม และแซงชั่น,
อังกฤษ-ฝรั่งเศส ขู่จะเอาตัวเขาขึ้นศาลโลก


แต่พันเอก มูอัมมัด กัดดาฟี่ ผู้นำการปฏิวัติโค่นล้มกษัตริย์ ตั้งแต่เมื่อเขามีอายุ 27 ปี – จากนั้นก็อยู่ในอำนาจมา 41 ปี

วันนี้เขาจึงยังให้สัมภาษณ์ BBC. อย่างสบายอารมณ์ แถมยังประกาศว่า
“ไอ้พวกผู้นำตะวันตกมันตอแหล, พวกมันต้องการให้ผมออกนอกประเทศ - ผมอยากเอาสองนิ้วของผมทิ่มใส่ลูกตาพวกมัน
ผมยังเป็นที่รักของชาวลิเบียทุกคน, พวกเขายอมตายเพื่อผม และพวกเขาก็จะไม่ยอมเข้าร่วม กับไอ้พวกผู้ประท้วงข้างถนน,
และผมขอเตือนกองทหารว่า จงอย่าทำอะไรนอกกฎระเบียบ”

มาดเท่ห์ของต้นตำรับเจ้าพ่อผู้ก่อการร้าย

“ไอ้พวกที่ออกมาประท้วงผม มันเป็นพวกขี้ยา, พวกมันเป็นสมาชิกของผู้ก่อการร้ายอัลกออิดะห์
พวกมันมาปล้นอาวุธไปจากค่ายทหาร แต่ทหารของผมได้รับคำสั่งว่าไม่ให้ยิงประชาชน”
(ตอแหลเข้าไส้-เหมือนใครว่ะ)

ถ้าสังเกตุภาพข่าวสถานการณ์ในลิเบีย ที่ออกมาสู่สังคมชาวโลก, จะเห็นว่าประชาชนถือปืนมือหนึ่ง - อีกมือชู 2 นิ้ว, สู้ สู้
ไม่เห็น – ไม่ได้ยินเสียง สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่บ่งบอกว่า การต่อสู้ครั้งนี้เป็น “การต่อสู้แบบสันติวิธี”???
จึงเกิดคำถามว่า อะไรคือ “กระบวนทัศน์ใหม่ของการปฏิวัติมวลชน-The New Paradigm of people's revolution”!!!
อะไรคือ สิ่งที่มวลชนเสื้อแดงต้องเรียนรู้???- ในท่ามกลางวาทกรรม “สู้ด้วยปัญญา” (คงไม่ใช่เอาปัญญาไปแต่งบทเพลงน่ะ)

แต่สิ่งที่เห็น และไม่ต้องแปลกใจ คือ ในการปฏิวัติทะเลทรายครั้งนี้ ก็คือ ทุกอย่าง “ต้องการ” แยกจากกัน – แยกความคิด,
แยกประชาชน, แยกผลประโยชน์, แยกอาวุธ (แยกคนถืออาวุธ)!!!

บ้านเราในสภากาแฟเสื้อแดง ก็มีการพูดคุยกันในแง่มุมต่าง ๆ และมี 2-3 ประเด็นที่น่าสนใจ เช่น
“เมื่อคนเสื้อแดง ถูกทหารล้อมฆ่าที่ราชประสงค์, ทำไมไม่เห็นมี ‘ผู้นำ หรือองค์กรโลก’ ที่ไหน พูดถึง-หรือให้ความสนใจ???”
“ถ้าการปฏิวัติของ ตูนิเซีย-อียิปต์-ลิเบีย เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ราชประสงค์เลือด คนเสื้อแดงคงจะได้ศึกษาบทเรียน
จากโลกอาหรับ มาปรับใช้ได้ – คงจะได้สู้กับฝ่ายอำนาจรัฐ ได้มากกว่าครั้งที่ผ่านมา???”

แต่มีบางคนแย้งว่า “ไม่ใช่หรอก – ชาวอาหรับได้เห็นภาพ การลุกขึ้นต่อสู้ของคนเสื้อแดง, ได้เห็นภาพคนเสื้อแดงถูกฆ่ากลางเมือง
พวกเขาเลยคิดต่อไปว่า เพราะอะไร คนเสื้อแดงถึง “สู้แล้วแพ้” – - พวกเขาจึงได้สรุปบทเรียนว่าจะ “ชนะทรราชย์ได้อย่างไร”.???”

พันเอก โมฮามัด กัดดาฟี่ เป็นผู้นำลิเบีย ตั้งแต่ ปี ค.ศ.1969
* ประชากร 6.5 ล้านคน - พื้นที่ประเทศ 1.77 ตาราง กม.
* ประชากรมีอายุมัธยฐาน 24.2 และอัตราการรู้หนังสือ 88 %
(อายุมัธยฐาน 24.2 – หมายถึง ครึ่งหนึ่งของประชากรมีอายุ 24.2 ปี – แสดงว่ามีคนหนุ่มสาวมากว่าคนแก่ – ตรงข้ามกับไทยแลนด์)
* รายได้มวลรวมประชาชาติต่อหัว : 12,020 $ (World Bank 2009)
(แต่ชาวลิเบียมีรายได้ต่อหัวสูงกว่าคนไทย 3 เท่า – รายได้คนไทย ปี ค.ศ. 2009 = 3760 $ /ปี)

จากตารางนี้-คอรัปชั่นลิเบีย อยู่อันดับที่ 146 (จาก 178) - คอรัปชั่นของไทย “อยู่อันดับที่ 78” (World Bank 2009)
อันดับความไม่สงบ-Unrest ของลิเบีย อยู่ที่ 71 % - ของประเทศไทย “คาดเดาไม่ถูก-ตามอารมณ์ของฆาตกร”

อันดับความยากจนของบ้านเรา อยู่ที่ 13.6% (แต่ยึดถือสาระไม่ได้ เพราะ “ตัวเลขเส้นความแบ่งยากจน Poverty Line”
อยู่ที่ 1.5 $ / วัน หรือตั้งไว้ที่ 2000 บาท / เดือน???(แต่ละจังหวัดไม่เท่ากัน)
กินอยู่ได้หรือ 2 พันบาท/เดือน, คือมีชีวิตอยู่ได้-ไม่ตาย???

แต่ถ้า “ขยับตัวเลขเส้นความแบ่งยากจน” ขึ้นไปที่ 5 พันบาท/เดือน,
จะมีคนยากจนสักเท่าไหร่???- นี่คือ ความเป็นจริงของประเทศนี้.!!!