กลุ่มทุนเหล่านี้ทำกำไรมหาศาลจากการทำให้เรื่องเพศกลายเป็นสินค้า และตัวผลิตภันฑ์ดังกล่าวสร้างขึ้นมาจากการทำให้ผู้หญิงกลายเป็นวัถตุทางเพศ ดังนั้นเราในฐานะนักสังคมนิยมเราจะต้องต่อต้านคลับเปลือยเหล่านี้
โดย สมุดบันทึกสีแดง
ในระดับสากล การต่อสู้ของหญิงบริการนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 คลื่น ยุคแรกเกิดขึ้นใน 1970 คลื่นลูกที่สองเกิดขึ้นปี 1990 (2533) คลื่นลูกที่สามโผล่ขึ้นมาอย่างมีนัยยะสำคัญที่ประเทศอินเดียและอาเจนตินาซึ่งครั้งนั้นมีการพัฒนาไปอีกขั้นตอนหนึ่งคือการจัดตั้งของหญิงบริการทางเพศ อันเป็นผลสืบเนื่องโดยตรงเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคเอสด์ ทั้งสองประเทศมีสหภาพแรงงานเป็นของตัวเอง ที่ประเทศอาเจนตินาก่อตั้งของในปี 2001 (AMMAR ) และในประเทศอินเดีย ก่อตั้งขึ้นในปี 2006 (2549) (The Karnataka Sex Workers Union) ซึ่งเน้นการจัดตั้ง แก้ปัญหาการถูกล่วงละเมิดทางเพศและรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงต่อผู้หญิงในเวลาเดียวกัน
ในบทความนี้ผู้เขียนจะลงรายละเอียดคร่าวๆ เกี่ยวกับข้อถกเถียงของปัญหาหญิงบริการทางเพศ ซึ่งจะเน้นเฉพาะในประเทศอังกฤษ
ข้อถกเถียงเกี่ยวกับปัญหาการขายบริการทางเพศในประเทศอังกฤษ
ขบวนการสิทธิสตรีแสดงความกังวลเกี่ยวกับกับการขยายตัวของอุตสาหกรรมเพศ เพราะอุตสหกรรมนี้ได้ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา และหลังจากนั้นจะพัฒนากลายมาเป็นเรื่องที่สังคม “รับได้” อุตสาหกรรมทางเพศได้ขยายตัวออกไปสู่ปริมณฑลของการซื้อขายในพื้นที่สีเทา อุตสาหกรรมเพศที่เติบโตเร็วมากที่สุดในอังกฤษ คือ คลับเปลือย บ่อยครั้งจะมีการเรียกผู้ประกอบอาชีพเหล่านี้ว่า “นักเต้น” เพื่อที่จะจัดประเภทแรงงานให้เข้าไปอยู่ในแรงงานสาย “อีโรติก” สภาพแรงงาน GMB ได้พยายามที่ขยายจำนวนสมาชิกแรงงานที่นี่ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันอย่างหนัก
มีข้อเสนอว่าการทำงานเปลือย หรือเป็นนักเต้นนั้น ผู้หญิงสามารถทำเงินได้เร็ว มีอำนาจการต่อรอง และมีความเป็นอิสระ ซึ่งถ้าสำรวจกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่ทำอาชีพนี้จะพบว่าเป็นคนทำ “อาชีพอิสระ” (Self-employed) ซึ่งจะมีรายได้หลักจาก “ค่าทิป” และจากค่าเต้น ซึ่งนักเต้นเหล่านี้จะต้องจ่ายค่าเช่าอุปกรณ์ให้กับผู้จัดการร้านต่างหาก ซึ่งถ้าพิจารณาแล้วจะเห็นว่าผู้หญิงเหล่านี้อยู่ห่างใกลจากคำว่าเป็นอิสระ ในทางกลับกันพวกเธอถูกสอดแนมและควบคุมมากกว่า
GMB หลังจากได้เข้าไปจัดตั้งผู้หญิงในคลับเปลือย สามารถต่อรองเรื่องคุณภาพการจ้างงานในคลับได้ ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีเราต้องสนับสนุน แต่อย่างไรก็ตามเราต้องตั้งคำถามต่อไปว่า กลุ่มทุนเหล่านี้ทำกำไรมหาศาลจากการทำให้เรื่องเพศกลายเป็นสินค้า และตัวผลิตภันฑ์ดังกล่าวสร้างขึ้นมาจากการทำให้ผู้หญิงกลายเป็นวัถตุทางเพศ ดังนั้นเราในฐานะนักสังคมนิยมเราจะต้องต่อต้านคลับเปลือยเหล่านี้
แค่การดำรงอยู่ของสถานประกอบการแบบนี้หนุนเสริมให้การกดขี่ผู้หญิงดำรงอยู่ต่อไป คลับเปลือยไม่ใช่สถานที่ทำงานปกติ เราไม่ควรจะประณีประนอมกับแนวความคิดที่พยายามจะทำให้สถานที่แบบนี้เป็นสถานประกอบการปกติ การมีอยู่ของคลับเปลือยหรือสถานบริการเพศต่างๆ มันทำให้การต่อสู้เพื่อให้คุณค่ากับผู้หญิงในแบบที่เป็นเธอเป็น ไม่ว่าจะเป็นขนาดของรูปร่าง อายุ ชาติพันธ์ กลายเป็นภาระกิจที่เต็มไปด้วยความยากลำบากเกินความจำเป็น
ควรจะแบนสถานการประกอบการแบบนี้ไหม?
ข้อเสนอโดยการใช้กฎหมายบังคับ ถูกตอบในทางบวกจากหลายส่วน นักสิทธิสตรีเช่น จูลี่ บิลเดล (Julie Bindel)ถึงกับเตรียมตัวพร้อมที่จะร่วมมือกับฝ่ายอนุรักษ์นิยมเรียกร้องให้มีการแบนสถานที่ประกอบการ ซึ่งพวกเราควรจะหลีกเลี่ยง เราไม่เห็นด้วยกับกรอบข้อถกเถียงในเชิงศีลธรรมที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมชื่นชอบ การเพิ่มอำนาจให้กับรัฐเพื่อเข้ามาจัดการกับเรื่องนี้ก็มีปัญหา เพราะตัวของรัฐเองคือเครื่องของการกดขี่ไม่ใช่เครื่องของการ (จะกล่าวเพิ่มเติมในรายละเอียดในย่อหน้าข้างหน้า)
เราควรจะแบนผู้ชายไหม?
ข้อเสนอนี้ได้หันไปเน้นที่ผู้บริโภค เพราะเชื่อว่าถ้าแบนตรงนี้ได้ก็จะสามารถลดปริมาณหญิงบริการทางเพศได้ ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวได้รับการต่อต้านจากหลายองค์กรรวมถึงองค์กรของหญิงบริการทางเพศเอง เพราะในรูปธรรม เป็นทำให้เรื่องการซื้อขายบริการเพศเป็นเรื่องใต้ดิน หญิงขายบริการจะถูกดันให้ไปอยู่ชายขอบมากยิ่งขึ้น ไร้อำนาจในการดูแลตนเอง
ในกรณีของสวีเดน ได้ออกกฎหมายเอาผิดผู้ชายที่มาซื้อบริการเพศ ในปี 1998 ซึ่นเป็นข้อเสนอของกลุ่มนักสิทธิสตรี จำนวนหญิงบริการทางเพศบนท้องถนนในสวีเดนได้ลดลง แต่การซื้อขายเพศในอินเตอร์เนตได้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งองค์กรของหญิงบริการทางเพศ ได้ตั้งข้อสังเกตุว่าการแบนลูกค้าของพวกเธอได้ผลักให้กลุ่มลูกค้าเดินเข้าไปสู่พื้นที่ๆดำมืดมากกว่าเดิมเป็นผลเสียทั้งต่อหญิงขายบริการและลูกค้า
โอคอลแนล เดวิสัน (O’Connell Davidson) อธิบายเพิ่มเติมว่า การลงโทษผู้ซื้อ ส่งเสริมให้กลุ่มสิทธิสตรีทำแนวร่วมกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม ซึ่งในรูปธรรมหมายถึง ตำรวจจะเรียกร้องให้ออกนโยบายเอาผิดที่รุนแรง นักการเมืองจะฉวยโอกาสต่อต้านแรงงานข้ามชาติ เรียกร้องให้เพิ่มมาตรการควบคุมคนเข้าเมือง และฝ่ายอนุรักษ์นิยมก็จะเรียกร้องให้หันกลับไปส่งเสริม “คุณค่าของครอบครัว”
มีความพยายามที่จะทำความเข้าใจว่าทำไมผู้ชายจึงหันไปซื้อบริการทางเพศเพิ่มขึ้น คำอธิบายหนึ่งคือ การทำงานที่ยาวนานและการขาดโอกาศที่จะสร้างความสัมพันธ์ และภายใต้เงื่อนไขสังคมปัจจุบันผู้ชายถูกส่งเสริมให้คิดว่าเขาควรจะมีเพศสัมพันธ์และร่างของผู้หญิงนั้นก็เพียงแค่สินค้าชนิดหนึ่งที่เขาสามารถซื้อได้ ผู้หญิงก็เหมือนกับรถหรือทีวีซื้อมาแล้วก็ขี่และดู ซึ่งในประเด็นนี้ เดวิสัน ได้แย้งว่า มนุษย์ไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะซื้อเซ็กส์ แต่มนุษย์ถูกสอนให้คิดว่าการบริโภคสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องสนุก สถานภาพความเป็นผู้ชายของเขาจะได้รับการยอมรับในสังคม
รัฐ สถานที่พักพิง หรือ เครื่องมือในการกดขี่?
รัฐตอบสนองต่อประเด็นปัญหานี้ด้วยภายใต้สองกรอบความคิดหลักคือ มองว่าหญิงบริการทางเพศ เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้เป็นตัวอันตรายต่อศีลธรรมอันดีงาม ซึ่งจะต้องถูกกำจัดให้หมดไป และ มองว่าหญิงบริการทางเพศ เป็นสินค้าชนิดหนึ่ง ที่จะต้องหาทางควบคุม อย่างไรก็ตามภายใต้สองกรอบคิด ไม่ได้ช่วยให้ให้การกดขี่ทางเพศในอุตสาหกรรมเพศลดลงแต่อย่างใด ในประเทศอังกฤษ รัฐบาลภายใต้พรรคแรงงานใหม่ได้ปฏิบัติต่อหญิงขายบริการ โดยเสนอว่าหญิงขายบริกาทางเพศ เป็นพฤติกรรมต่อต้านสังคม และ ประกาศว่าเป็นเรื่องที่สังคมยอมรับไม่ได้
ความพยายามทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นการให้ความช่วยเหลือหรือการฟื้นฟูพฤติกรรมถูกกำหนดขึ้นมาจากกรอบที่ต้องการลงโทษหญิงขายบริการ ตำรวจถูกส่งเสริมให้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับองค์สงคมสงเคราะห์ ในประเด็นบ้านพักผู้ประสบภัย การลงพื้นที่เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นสุขภาพทางเพศ โปรแกรมที่ให้ความช่วยเหลือสำหรับผู้ที่ติดยาและเหล้าเพื่อดึงให้ผู้หญิงออกจากวงจรการค้าเพศ ซึ่งในกระบวนการดังกล่าว ผู้หญิงเหล่านี้อาจจะถูกสั่งขังจำคุกได้ถึง 5 ปี ถ้าทำผิดกฎ ซึ่งการมีบันทึกว่าเคยเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมแบบนี้ เป็นอุปสรรคมากในการสมัครงาน มันทำให้ผู้หญิงหลายคนไม่กล้าเข้าสู่โปรแกรมการจัดการกับการค้ามนุษย์นั้น บ่อยครั้งวกกลับไปอยู่ในกรอบของการเหยียดเพศ เหยียดเชื้อของเจ้าหน้าที่
ข้อเสนอเชิงปฏิรูปที่หญิงบริการทางเพศได้รับประโยชน์เราควรสนับสนุน แต่เราตระหนักว่าข้อเสนอเชิงปฏิรูปเหล่านี้จะไม่นำไปสู่การปลดปล่อยผู้หญิงแต่อย่างใด ข้อเสนอระยาวนั้นควรจะเน้นทำลายเงื่อนไขต่างๆที่ผู้ต้องตัดสินใจเดินเข้าสู่เส้นทางนี้ ความอิสระและความมั่นคงในชีวิตคือประตูบานแรกที่จะทำลายวงจรอุบาทว์
ในระดับสากล การต่อสู้ของหญิงบริการนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 คลื่น ยุคแรกเกิดขึ้นใน 1970 คลื่นลูกที่สองเกิดขึ้นปี 1990 (2533) คลื่นลูกที่สามโผล่ขึ้นมาอย่างมีนัยยะสำคัญที่ประเทศอินเดียและอาเจนตินาซึ่งครั้งนั้นมีการพัฒนาไปอีกขั้นตอนหนึ่งคือการจัดตั้งของหญิงบริการทางเพศ อันเป็นผลสืบเนื่องโดยตรงเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคเอสด์ ทั้งสองประเทศมีสหภาพแรงงานเป็นของตัวเอง ที่ประเทศอาเจนตินาก่อตั้งของในปี 2001 (AMMAR ) และในประเทศอินเดีย ก่อตั้งขึ้นในปี 2006 (2549) (The Karnataka Sex Workers Union) ซึ่งเน้นการจัดตั้ง แก้ปัญหาการถูกล่วงละเมิดทางเพศและรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงต่อผู้หญิงในเวลาเดียวกัน
ในบทความนี้ผู้เขียนจะลงรายละเอียดคร่าวๆ เกี่ยวกับข้อถกเถียงของปัญหาหญิงบริการทางเพศ ซึ่งจะเน้นเฉพาะในประเทศอังกฤษ
ข้อถกเถียงเกี่ยวกับปัญหาการขายบริการทางเพศในประเทศอังกฤษ
ขบวนการสิทธิสตรีแสดงความกังวลเกี่ยวกับกับการขยายตัวของอุตสาหกรรมเพศ เพราะอุตสหกรรมนี้ได้ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา และหลังจากนั้นจะพัฒนากลายมาเป็นเรื่องที่สังคม “รับได้” อุตสาหกรรมทางเพศได้ขยายตัวออกไปสู่ปริมณฑลของการซื้อขายในพื้นที่สีเทา อุตสาหกรรมเพศที่เติบโตเร็วมากที่สุดในอังกฤษ คือ คลับเปลือย บ่อยครั้งจะมีการเรียกผู้ประกอบอาชีพเหล่านี้ว่า “นักเต้น” เพื่อที่จะจัดประเภทแรงงานให้เข้าไปอยู่ในแรงงานสาย “อีโรติก” สภาพแรงงาน GMB ได้พยายามที่ขยายจำนวนสมาชิกแรงงานที่นี่ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันอย่างหนัก
มีข้อเสนอว่าการทำงานเปลือย หรือเป็นนักเต้นนั้น ผู้หญิงสามารถทำเงินได้เร็ว มีอำนาจการต่อรอง และมีความเป็นอิสระ ซึ่งถ้าสำรวจกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่ทำอาชีพนี้จะพบว่าเป็นคนทำ “อาชีพอิสระ” (Self-employed) ซึ่งจะมีรายได้หลักจาก “ค่าทิป” และจากค่าเต้น ซึ่งนักเต้นเหล่านี้จะต้องจ่ายค่าเช่าอุปกรณ์ให้กับผู้จัดการร้านต่างหาก ซึ่งถ้าพิจารณาแล้วจะเห็นว่าผู้หญิงเหล่านี้อยู่ห่างใกลจากคำว่าเป็นอิสระ ในทางกลับกันพวกเธอถูกสอดแนมและควบคุมมากกว่า
GMB หลังจากได้เข้าไปจัดตั้งผู้หญิงในคลับเปลือย สามารถต่อรองเรื่องคุณภาพการจ้างงานในคลับได้ ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีเราต้องสนับสนุน แต่อย่างไรก็ตามเราต้องตั้งคำถามต่อไปว่า กลุ่มทุนเหล่านี้ทำกำไรมหาศาลจากการทำให้เรื่องเพศกลายเป็นสินค้า และตัวผลิตภันฑ์ดังกล่าวสร้างขึ้นมาจากการทำให้ผู้หญิงกลายเป็นวัถตุทางเพศ ดังนั้นเราในฐานะนักสังคมนิยมเราจะต้องต่อต้านคลับเปลือยเหล่านี้
แค่การดำรงอยู่ของสถานประกอบการแบบนี้หนุนเสริมให้การกดขี่ผู้หญิงดำรงอยู่ต่อไป คลับเปลือยไม่ใช่สถานที่ทำงานปกติ เราไม่ควรจะประณีประนอมกับแนวความคิดที่พยายามจะทำให้สถานที่แบบนี้เป็นสถานประกอบการปกติ การมีอยู่ของคลับเปลือยหรือสถานบริการเพศต่างๆ มันทำให้การต่อสู้เพื่อให้คุณค่ากับผู้หญิงในแบบที่เป็นเธอเป็น ไม่ว่าจะเป็นขนาดของรูปร่าง อายุ ชาติพันธ์ กลายเป็นภาระกิจที่เต็มไปด้วยความยากลำบากเกินความจำเป็น
ควรจะแบนสถานการประกอบการแบบนี้ไหม?
ข้อเสนอโดยการใช้กฎหมายบังคับ ถูกตอบในทางบวกจากหลายส่วน นักสิทธิสตรีเช่น จูลี่ บิลเดล (Julie Bindel)ถึงกับเตรียมตัวพร้อมที่จะร่วมมือกับฝ่ายอนุรักษ์นิยมเรียกร้องให้มีการแบนสถานที่ประกอบการ ซึ่งพวกเราควรจะหลีกเลี่ยง เราไม่เห็นด้วยกับกรอบข้อถกเถียงในเชิงศีลธรรมที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมชื่นชอบ การเพิ่มอำนาจให้กับรัฐเพื่อเข้ามาจัดการกับเรื่องนี้ก็มีปัญหา เพราะตัวของรัฐเองคือเครื่องของการกดขี่ไม่ใช่เครื่องของการ (จะกล่าวเพิ่มเติมในรายละเอียดในย่อหน้าข้างหน้า)
เราควรจะแบนผู้ชายไหม?
ข้อเสนอนี้ได้หันไปเน้นที่ผู้บริโภค เพราะเชื่อว่าถ้าแบนตรงนี้ได้ก็จะสามารถลดปริมาณหญิงบริการทางเพศได้ ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวได้รับการต่อต้านจากหลายองค์กรรวมถึงองค์กรของหญิงบริการทางเพศเอง เพราะในรูปธรรม เป็นทำให้เรื่องการซื้อขายบริการเพศเป็นเรื่องใต้ดิน หญิงขายบริการจะถูกดันให้ไปอยู่ชายขอบมากยิ่งขึ้น ไร้อำนาจในการดูแลตนเอง
ในกรณีของสวีเดน ได้ออกกฎหมายเอาผิดผู้ชายที่มาซื้อบริการเพศ ในปี 1998 ซึ่นเป็นข้อเสนอของกลุ่มนักสิทธิสตรี จำนวนหญิงบริการทางเพศบนท้องถนนในสวีเดนได้ลดลง แต่การซื้อขายเพศในอินเตอร์เนตได้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งองค์กรของหญิงบริการทางเพศ ได้ตั้งข้อสังเกตุว่าการแบนลูกค้าของพวกเธอได้ผลักให้กลุ่มลูกค้าเดินเข้าไปสู่พื้นที่ๆดำมืดมากกว่าเดิมเป็นผลเสียทั้งต่อหญิงขายบริการและลูกค้า
โอคอลแนล เดวิสัน (O’Connell Davidson) อธิบายเพิ่มเติมว่า การลงโทษผู้ซื้อ ส่งเสริมให้กลุ่มสิทธิสตรีทำแนวร่วมกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม ซึ่งในรูปธรรมหมายถึง ตำรวจจะเรียกร้องให้ออกนโยบายเอาผิดที่รุนแรง นักการเมืองจะฉวยโอกาสต่อต้านแรงงานข้ามชาติ เรียกร้องให้เพิ่มมาตรการควบคุมคนเข้าเมือง และฝ่ายอนุรักษ์นิยมก็จะเรียกร้องให้หันกลับไปส่งเสริม “คุณค่าของครอบครัว”
มีความพยายามที่จะทำความเข้าใจว่าทำไมผู้ชายจึงหันไปซื้อบริการทางเพศเพิ่มขึ้น คำอธิบายหนึ่งคือ การทำงานที่ยาวนานและการขาดโอกาศที่จะสร้างความสัมพันธ์ และภายใต้เงื่อนไขสังคมปัจจุบันผู้ชายถูกส่งเสริมให้คิดว่าเขาควรจะมีเพศสัมพันธ์และร่างของผู้หญิงนั้นก็เพียงแค่สินค้าชนิดหนึ่งที่เขาสามารถซื้อได้ ผู้หญิงก็เหมือนกับรถหรือทีวีซื้อมาแล้วก็ขี่และดู ซึ่งในประเด็นนี้ เดวิสัน ได้แย้งว่า มนุษย์ไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะซื้อเซ็กส์ แต่มนุษย์ถูกสอนให้คิดว่าการบริโภคสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องสนุก สถานภาพความเป็นผู้ชายของเขาจะได้รับการยอมรับในสังคม
รัฐ สถานที่พักพิง หรือ เครื่องมือในการกดขี่?
รัฐตอบสนองต่อประเด็นปัญหานี้ด้วยภายใต้สองกรอบความคิดหลักคือ มองว่าหญิงบริการทางเพศ เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้เป็นตัวอันตรายต่อศีลธรรมอันดีงาม ซึ่งจะต้องถูกกำจัดให้หมดไป และ มองว่าหญิงบริการทางเพศ เป็นสินค้าชนิดหนึ่ง ที่จะต้องหาทางควบคุม อย่างไรก็ตามภายใต้สองกรอบคิด ไม่ได้ช่วยให้ให้การกดขี่ทางเพศในอุตสาหกรรมเพศลดลงแต่อย่างใด ในประเทศอังกฤษ รัฐบาลภายใต้พรรคแรงงานใหม่ได้ปฏิบัติต่อหญิงขายบริการ โดยเสนอว่าหญิงขายบริกาทางเพศ เป็นพฤติกรรมต่อต้านสังคม และ ประกาศว่าเป็นเรื่องที่สังคมยอมรับไม่ได้
ความพยายามทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นการให้ความช่วยเหลือหรือการฟื้นฟูพฤติกรรมถูกกำหนดขึ้นมาจากกรอบที่ต้องการลงโทษหญิงขายบริการ ตำรวจถูกส่งเสริมให้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับองค์สงคมสงเคราะห์ ในประเด็นบ้านพักผู้ประสบภัย การลงพื้นที่เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นสุขภาพทางเพศ โปรแกรมที่ให้ความช่วยเหลือสำหรับผู้ที่ติดยาและเหล้าเพื่อดึงให้ผู้หญิงออกจากวงจรการค้าเพศ ซึ่งในกระบวนการดังกล่าว ผู้หญิงเหล่านี้อาจจะถูกสั่งขังจำคุกได้ถึง 5 ปี ถ้าทำผิดกฎ ซึ่งการมีบันทึกว่าเคยเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมแบบนี้ เป็นอุปสรรคมากในการสมัครงาน มันทำให้ผู้หญิงหลายคนไม่กล้าเข้าสู่โปรแกรมการจัดการกับการค้ามนุษย์นั้น บ่อยครั้งวกกลับไปอยู่ในกรอบของการเหยียดเพศ เหยียดเชื้อของเจ้าหน้าที่
ข้อเสนอเชิงปฏิรูปที่หญิงบริการทางเพศได้รับประโยชน์เราควรสนับสนุน แต่เราตระหนักว่าข้อเสนอเชิงปฏิรูปเหล่านี้จะไม่นำไปสู่การปลดปล่อยผู้หญิงแต่อย่างใด ข้อเสนอระยาวนั้นควรจะเน้นทำลายเงื่อนไขต่างๆที่ผู้ต้องตัดสินใจเดินเข้าสู่เส้นทางนี้ ความอิสระและความมั่นคงในชีวิตคือประตูบานแรกที่จะทำลายวงจรอุบาทว์
No comments:
Post a Comment