- น้ำมัน 70ล้านลิตร ถ้าคิดตัวเลขกลมๆ ลิตรละ30บาท ก็จะตกเป็นเงิน 2100ล้านบาท
- นั่นคือตัวเลขที่ กรมพลังงานทหารจะต้องตอบคำถามนี้ว่าใครทำอะไรกับเงินก้อนมหึมาอันนี้
- หลายท่านคงรู้เรื่องนี้ดีโดยเฉพาะพวกที่มีญาติมิตรเป็นทหารหรือตนเองรับราชการ ท.ทหาร
- นายทหารผู้ใหญ่ระดับคุมกำลังทั้งหลาย ผบ.พัน ผบ.กรม ผบ.พลผู้บัญชาการมลฑล กลุ่มคนพวกนี้จะมีคูปองน้ำมันเป็นกระตั๊ก
- เรียกว่าเมื่อตนเองปลดเกษียณไปแล้วหรือเสียชีวิตไปแล้วลูกเมียที่ยังคงอยู่ อีก10ปีก็ใช้น้ำมันพวกนี้ไม่หมดเป็นมรดกตกทอดกันไปเลย
- น้ำมันที่เป็นคูปองเติมได้ตลอดชีวิตนี้มันอยู่ที่ไหนมันก็อยู่ในปั้มน้ำมันทั่วไปนี่เองในคูปองนี้จะระบุให้เสร็จแต่ละคูปองเป็นจำนวนลิตร
- เช่นในคูปองระบุเป็นน้ำมันดีเซล 40ลิตรแต่บังเอิญรถของเราที่เข้าไปเติมใช้น้ำมันเบนซินเราจะขอเปลี่ยนจากน้ำมันโซล่าเป็นน้ำเบนซินก็ได้
- โดยเทียบอัตราส่วนตามความเป็นจริง ณ.ขณะนั้นหรือหากวันใดขาดแคลนเงินสดขึ้นมาก็สามารถไปแลกเป็นเงินสดแทนก็ย่อมได้อีก
- ที่กล่าวมานี้ เป็นแค่หน่วยงานเล็กๆหน่วยหนึ่งในหน่วยงานทหารที่มีค่ายทหารอยู่แทบจะทุกจังหวัดในประเทศไทยเท่านั้น
- ยังไม่รวมถึงระดับคีย์แมนบิ๊กๆในกองทัพที่มองเรื่องน้ำมันแค่นี้เป็นแค่น้ำจิ้ม ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลยแบ่งๆกันไป
- 70ล้านลิตรที่ผมเขียนไว้ในตอนต้นคืออะไรหลายท่านคงเดาออกมันคือน้ำมันที่หายไปจากคลังน้ำมันของกรมพลังงานทหาร
- และที่มีเรื่องนี้แดงขึ้นมาก็เพราะบังเอิญมีใครก็ไม่อาจทราบได้ชี้เบาะแสให้โดยการยิงจรวดอาร์พีจี เข้าไปในถังน้ำมันที่บรรจุ 10ล้านลิตร
- เมื่อถังทะลุ น้ำมันดันไม่มี และเมื่อสำรวจดู ผลปรากฏว่าน้ำมันนั้นหายไปจากถังถึง7ถัง รวมกันทั้งหมด 70ล้านลิตร
- มีความพยายามจะออกมาบอกว่าน้ำมันนั้น ได้ถูกเบิกไปแล้วเมื่อครั้งออกมาฆ่าประชาชนที่ราชประสงค์
- แต่ข้อเท็จจริงมันไม่ใช่เพราะ นี่คือคลังน้ำมันสำรองของกรมพลังงานทหารกฎหมายระบุไว้ชัดเจนคลังน้ำมันสำรองนี้จะต้องเต็มเสมอ
- เป็นการสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคงของประเทศ เผื่อไว้ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มิอาจคาดการณ์ได้เท่านั้น
- น้ำมันนี้จะถูกเบิกไปใช้ไม่ได้เลยไม่ว่าเกิดเหตุใดๆนอกเสียจากเกิดวิบัติครั้งใหญ่จนไม่สามารถหาที่อื่นมาใช้ได้จึงสามารถนำน้ำมันนี้ออกมาใช้
- และเมื่อนำมาใช้แล้วจะต้องรีบหากลับมาใช้คืนโดยด่วนความจริงเรื่องนี้มันตรวจสอบไม่ยาก น้ำมันนั้นหายไปไหนใครเอาน้ำมันนี้ออกไป เอาไปทำอะไร
- แค่ ตรวจสอบเส้นทางเดินของน้ำมัน มันง่ายกว่าการตรวจสอบเส้นทางของการเงินซะอีก แค่ตรวจดู บ/ชการเบิกจ่ายน้ำมัน แค่นั้น ก็จะพบอะไรแล้ว
- ถ้าน้ำมันไม่มีการเบิกจ่ายแต่ก็ไม่มีเหลือในถัง สรุปได้ทันทีเลยว่า หาย ไม่มากเรื่อง
- แต่ถ้าพบการเบิกจ่ายก็ตรวจสอบแค่คนอนุมัติก็จะพบเส้นทางคนทำผิดแล้ว
- ดีเอสไอสามารถตรวจสอบเส้นทางเงินของคนเสื้อแดง สลับซับซ้อนมากมายยังสามารถเรียกมาตรวจสอบได้เกือบ100คนทั้งจริงบ้างไม่จริงบ้างเรียกตรวจสอบมันดะไป
- ถ้ามีมาตรฐานพอสำหรับประเทศนี้และมีความกล้าพอ ให้ดีเอสไอเข้ามาตรวจสอบพลังงานทหาร เล่าแจ้งแถลงไขออกมาทางทีวีเหมือนเช่นทำกับคนเสื้อแดง
- ตรวจสอบให้พบ. บอกกล่าวกับประชาชนทำให้เหมือนกับว่าดีเอสไอ กินเงินเดือนที่มาจากประชาชนจริงๆเป็นกลางพอที่จะเชื่อถือได้
- ให้ผู้คนมีความหวังในกระบวนการยุติธรรมบ้าง อย่าตรวจสอบแบบมักง่าย เฉกหมอพรทิพย์ตรวจสอบจีที200 ที่เมื่อตรวจแล้วสังคมยังประณามไม่เลิกจนทุกวันนี้
- โปรดอย่าทำเยี่ยงนั้น อะไรผิดอะไรถูกกล้าๆหน่อย เอาความเป็นนิติรัฐ, เอาศักดิ์ศรีของตนเองและสถาบันคืนมาไม่ว่าใครหน้าไหนทุจริตจัดการให้หมด
- เรื่องแค่นี้ไม่ทราบว่าจะช่วยจัดการได้ไหมสิ่งที่สังคมวิพากษ์ไม่เลิก มีเหตุผลพอจะเชื่อได้ดังนี้
* 1.มันไม่เคยมีน้ำมันอยู่มานานแล้ว ทุกอย่างมันมีแต่ตัวเลข
* 2.น้ำมันถูกเอาไปหมุน ยังไม่ถึงเวลาครบรอบที่จะเอากลับคืนมา ในความหมายก็คือ..
* 2.1 น้ำมันถูกขายออกไปแล้วในขณะที่ราคาตลาดสูงและจะซื้อกลับคืนมาในขณะที่ราคาน้ำมันถูกกว่านี้บังเอิญเกิดเหตุซะก่อนน้ำมันจึงหมุนกลับมาไม่ทัน
* 2.2ซื้อขายน้ำมันล่วงหน้า มีแต่ตัวเลขไม่เคยมีน้ำมันจริงๆ
* 3.น้ำมันกลายเป็นทองแท่งไปชั่วขณะ ตั้งแต่ออกจากสิงคโปร์แล้ว // 4.น้ำมันกลายเป็นดอกเบี้ยงอกเงยได้ ถ้าตัวน้ำมันเองไม่ได้อยู่ในถัง
- เพราะสิ่งที่ประชาชนมองเห็นอยู่ขณะนี้คือได้พบ แหล่งพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีกแล้ว
- สามารถใช้งานได้เลยโดยไม่ต้องลงทุนสร้างโรงกลั่นน้ำมันเพิ่ม
- ตัวเลข70ล้านลิตร เป็นเงิน2100ลบ.บ่อน้ำมันแหล่งใหญ่อยู่ตรงนี้เอง เพียงเรียกคืนจากทหาร นำมาคืนกับประชาชน ประโยชน์ก็จะตกกับประชาชนโดยแท้
No comments:
Post a Comment