ที่ใดมีการกดขี่ ที่นั่นย่อมมีการต่อสู้ << "ความเชื่อ" มักไม่ได้รองรับด้วยเหตุผล "ความเชื่อ" มักไม่ทนต่อความจริง "ความเชื่อ" มักอิงสิ่่งที่พิสูจน์ไม่ได้ >>
Saturday, June 12, 2010
วิญญาณฆาตกร โดย กาหลิบ
คอลัมน์ : เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง : วิญญาณฆาตกร
โดย : กาหลิบ
เราต่างรู้ดีว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังเล่นปาหี่-ตีสองหน้าอยู่กลางเมือง ในขณะที่ตามล้างตามผลาญฝ่ายประชาชนจนถึงขั้นสิ้นชีวิต บาดเจ็บ พิการ สูญเสียอิสรภาพ อาชีพการงานถูกทำลายย่อยยับ โดยไม่เห็นแก่ความเป็นคนใดๆ เลยนั้น ก็โหมประโคมข่าวสร้างภาพลักษณ์ว่ากำลังปรองดองสามัคคี พร่ำพูดหลักการกลวงๆ ที่ตัวเองไม่เคยคิดสร้าง เพื่อให้ฝ่ายฆ่าทำงานได้สะดวกขึ้น
คนสำคัญให้ความร่วมมืออย่างสุดใจขาดดิ้น เพราะเป็นเจ้าตำรับแห่งการกวาดล้างฝ่ายประชาธิปไตยและทำภาพของตัวเองให้บริสุทธิ์สูงส่งไปพร้อมกัน ดีใจจนเนื้อเต้นว่าลูกน้องฆาตกรกลุ่มนี้กำลังสานต่อลัทธิปิศาจที่ตัวเองสถาปนาขึ้น หลังจากที่ลองผิดลองถูกมาแล้วหลายครั้ง
ปิศาจหัวหน้าและปิศาจลูกน้องจึงไม่ใช่เรื่องแปลกนัก เกิดมาเป็นหนอนก็ต้องแทะเล็มอุจจาระไปตามกำพืด
แต่ความชั่วร้ายในวันนี้กลับไปปรากฏที่คนกลุ่มหนึ่งในกรุงเทพมหานครและเขตเมืองใหญ่ๆ ในประเทศนี้ ซึ่งกำลังทำให้ประเทศไทยกลายสภาพเป็นนครปิศาจไปอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่เพียงเมืองฟ้าอมรที่ถูกฝูงปิศาจเข้าครอบครองเท่านั้น
นั่นคือชนชั้นกลางที่ไม่รู้สึกยี่หระอะไรกับความตายอันโหดเหี้ยมทารุณของชนชั้นรากหญ้า
ภาพแห่งความตายหาไม่ยากด้วยเทคโนโลยีของยุคนี้ แค่ปรายตามองดูก็จะเห็นทั่วไปว่าอาวุธสงครามที่นำมาใช้กับประชาชนผู้ไร้อาวุธในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๓มันทำอะไรบ้างกับมนุษย์ผู้บริสุทธิ์เหล่านี้
ภาพนี้ก็เลือดสาด ภาพนั้นก็สมองกระจาย
ส่วนมากสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่ได้เตรียมไปรบราฆ่าฟันกับใคร และส่วนใหญ่ก็ใส่รองเท้าแตะ
อายุก็หลากหลายแตกต่างกันไป เด็กก็มาก คนแก่ก็เยอะ ไม่เหมือนกับฝ่ายฆ่าที่เป็นชายฉกรรจ์ในวัยยี่สิบต้นๆ ที่ถูกฝึกให้เป็นนักฆ่าโดยเฉพาะ
เห็นภาพเหล่านี้แล้วผู้คนจำนวนหนึ่งในประเทศที่เรียกว่าไทยกลับรู้สึกตายด้าน ไม่มีความเศร้าสะเทือนใจ ไม่มีน้ำตา
ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของหัวใจที่จะมอบให้
กลับรู้สึกดีใจเสียด้วยว่า ได้พื้นที่จราจรมาวิ่งรถหรูหราของตัวเองอย่างสะดวก ได้ห้างสรรพสินค้าคืนมาช็อปปิ้ง โดยไม่ต้องเห็นหน้าอันทุกข์ทรมานของคนยากจนในประเทศ ที่เขาเรียกกันเสียไพเราะว่าเพื่อนร่วมชาติอีกต่อไป
ใจดำขนาดนี้จะให้เรียกว่าอะไร และมันไหลออกมาจากไหน?
เสพสุขกันอยู่ได้อย่างไรครับ เมื่อคนแก่ถูกยิงด้วยอาวุธสงครามจนสมองกระจาย อาสาสมัครที่เข้าไปทำความดีต่อเพื่อนมนุษย์ถูกฆ่าถูกรุมยิงเพราะฝ่ายฆาตกรต้องการจะลากศพหลบไปเสีย เพื่อมิให้กลายเป็นหลักฐานแสดงพฤติกรรมเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน
รู้สึกปกติอยู่ได้อย่างไร?
โชคดีที่รัฐบาลชุดนี้ ได้รับคำพูดปลอบประโลมใจจากที่สูง เหมือนน้ำแร่ที่ไหลลงมาจากยอดเขา จนเกิดความเหิมเกริมที่จะสร้างกรรมชั่วต่อไปโดยไม่มีหิริโอตตัปปะปะ
เขาจึงทำอะไรกันกลางเมืองโดยไม่มีความละอายต่อบาปและไม่หวั่นหน้าอินทร์หน้าพรหม รู้สึกเสียแล้วว่าหน้าอินทร์หน้าพรหมหันมายิ้มให้กับตน
แต่งตั้ง คณิต ณ นคร เป็นหัวหน้างานสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องการสังหารหมู่
แต่งตั้ง สมบัติ ธำรงค์ธัญญวงศ์ เป็นโต้โผในงานแก้ไขรัฐธรรมนูญ
แต่งตั้ง วสิษฐ์ เดชกุญชร เป็นเจ้าภาพปฏิรูปตำรวจ
เพียงเท่านี้ก็บอกแล้วว่าเขาไม่สนใจหน้าไหนทั้งนั้น เมื่อชนชั้นสูงและชนชั้นกลาง ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยผู้มีอำนาจมากในสังคมไทยสนับสนุนเขาอย่างออกหน้าออกตา เขาก็เหยียบหัวชนชั้นรากหญ้าขึ้นมายืนผึ่งผายได้
ครับ วิญญาณฆาตกรในวันนี้มันไหลเข้าไปสิงร่างของชนชั้นกลางในเมืองไทยเข้าด้วยแล้ว
โรคอำมหิตไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะชนชั้นสูงในสังคมไทยอีกต่อไปแล้ว
หมอผีคนเดียวคงเอาไม่อยู่ ขบวนการไล่ผีอย่างเป็นเรื่องเป็นราวจึงมีความจำเป็น.
(พบคอลัมน์ "เมืองไทยหรือเมืองใคร?" ได้ทุกวันจันทร์,พุธ,ศุกร์)
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment