Thursday, April 15, 2010

หมดเวลาของอภิสิทธิ์แล้ว


The End for Thailand’s Abhisit?

รัฐบาลสูญเสียความชอบธรรมในท่ามกลางห่ากระสุน

ความแตกร้าวที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นมาจากความขัดแย้งทางการเมืองที่ฝังรากลึก และค่อยบานปลายขยายลุกลามจนพังทลายในกรุงเทพเมื่อไม่นานมานี้ ประวัติศาสตร์ต้องซ้ำรอยอีกครั้งเมื่อถึงเวลาที่คนไทยจะร่วมฉลองประเพณีสงกรานต์ ย้ำให้เห็นถึงเรื่องความล้มเหลวจากความพยายามที่จะรอมชอมกัน

ฉันรีบรุดไปโรงพยาบาลกลางในทันที่ที่เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงในตอนเย็นคืนวันเสาร์ ร่างแล้วร่างเล่าที่ถูกลำเลียงมายังโรงพยาบาล บางร่างถูกห่อด้วยธงชาติไทย ผู้เคราะห์ร้ายรายหนึ่งกะโหลกเปิด เจ้าหน้าที่แผนกฉุกเฉินถือถุงพลาสติกที่บรรจุสมองที่เละของเหยื่อผู้นั้นวิ่งตามร่างในขณะที่ลำเลียงเข้าห้องฉุกเฉิน

นพ.พิชญา นาควัชระ ผู้อำนวยการ รพ.กลาง กล่าวว่า “ศพแรกมาถึงเมื่อเวลาประมาณหนึ่งทุ่ม บาดเจ็บอย่างรุนแรงที่ศีรษะ กะโหลกแตกจนสมองไหล คนไข้ได้เสียชีวิตก่อนที่จะมาถึงโรงพยาบาล เมื่อเราทำการตรวจ พบว่าร่างกายมีบาดแผลจากกระสุนหลายที่ ทั้งกระสุนจริง และกระสุนยาง ศพที่ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงอาจมีสาเหตุมาจากถูกกระแทกจากของแข็ง ด้วยความเร็ว

นพ.พิชญา นาควัชระ กล่าวว่า “ผมคิดว่าจะเจอกระสุนยาง ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ใช้กระสุนจริง”

รัฐบาลไทย และกลุ่มเสื้อแดงซึ่งเป็นตัวแทนของชาวรากหญ้าซึ่งด้อยสิทธิ์แห่งประเทศไทย (และอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรที่ถูกปล้นอำนาจ) ทั้งสองฝ่ายต่างขาดความจริงใจ และไม่สามารถหยุดยั้งสภาพประเทศที่กำลังเข้าตาจนว่า ควรให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพื่อคืนอำนาจที่ชอบธรรมให้กับประชาชน ขณะนี้ประเทศไทยแทบไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกเสียจากว่าดำเนินการเลือกตั้งนั้น

ทางเลือกอื่นนั้นไม่มีความหมายอันใด: จะมีแต่การนองเลือด การทำรัฐประหารครั้งใหม่ (ประเทศไทยมีมาแล้ว ๑๘ ครั้ง) แม้กำลังในกองทัพกำลังเสียงแตก หรือการที่ทรงออกมาแทรกแซงของกษัตริย์ภูมิพล อดุลยเดช ผู้ทรงครองราชย์นานที่สุดในโลก แต่พระองค์ทรงมีสุขภาพที่อ่อนแอ และทรงประทับในโรงพยาบาลตั้งแต่เดือนกันยายน

การเลือกตั้งใหม่จะไม่สามารถแก้ปัญหาอันซับซ้อนของประเทศไทย แต่จะเป็นการลดอุณหภูมิของประเทศซึ่งกำลังร้อนระอุจนแทบจะมอดไหม้ นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะต้องลาออก ยิ่งออกเร็วเท่าไร จะเป็นการดีสำหรับความวุ่นวายที่เขาได้ก่อขึ้นมา ยิ่งกว่านั้น ในประวัติศาสตร์ของไทยผู้นำคนใหม่ที่จะเข้ามาดูแลสถานการณ์ของบ้านเมืองชั่วคราวนี้เป็นธรรมเนียมที่เคยปฏิบัติมาแต่ก่อน ในเวลาแห่งวิกฤติ จะมีผู้นำปรากฏขึ้นมา และประเทศไทยไม่เคยขาดผู้นำซึ่งมีทั้งความเป็นกลาง ได้รับความเชื่อถือ และมีความเชี่ยวชาญ

ฝ่ายผู้ปกป้องรัฐบาลของอภิสิทธิ์แย้งว่า อภิสิทธิ์ควรได้รับการยกย่องจากการที่ยอมให้เสื้อแดงได้แสดงสิทธิขั้นพื้นฐานในการชุมนุมเพื่อแสดงออก แม้ว่าเมื่อปีที่แล้วกองกำลังในกลุ่มเสื้อแดงพยายามสร้างความวุ่นวายเพื่อลงประชาทัณฑ์เขา ฝ่ายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อภิสิทธิ์จะไม่ใช่กำลังทหารจนกว่าเขาจะไม่มีทางเลือกเพื่อบังคับใช้กฎหมาย และเพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศไทยต้องกลายเป็นรัฐที่ล่มสลาย

ฝ่ายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คำถามเรื่องความชอบธรรมของอภิสิทธิ์นั้น – การพาดพิงของเสื้อแดงว่าอภิสิทธิ์ได้รับการแต่งตั้งมาจากกองทัพ – เป็นการพูดเกินจริง ภายใต้ระบบรัฐสภาแห่งประเทศไทย ฝ่ายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เขามีความชอบธรรม เช่นเดียวกับการอ้างชัยชนะจากการเลือกตั้งของประธานาธิบดี จอร์ช บุชในปี ๒๕๔๓ และกฎหมายต้องได้รับการเคารพ (ทำราวกับว่า ประเทศไทยมีกฎเกณฑ์)

ฝ่ายอภิสิทธิ์ให้ข้อสังเกตว่า แม้แต่นายกฯ กอร์ดอน บราวน์ ซึ่งเผชิญกับสถานการณ์บีบคั้นให้ต้องลาออก บราวน์เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่ก็ต่อเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม และเป็นสิทธิอันชอบธรรม พวกเขาเสริมว่า อภิสิทธิ์เป็นนักการเมืองอาชีพ ซึ่งได้รับการเลือกตั้งเข้ามาในสภาก่อนหน้านี้หลายต่อหลายครั้ง อภิสิทธิ์ขณะนี้มีอายุ ๔๖ ปี เข้ามาเล่นการเมืองตั้งแต่อายุ ๒๗ ปี

แต่อย่างไรก็ตาม อภิสิทธิ์จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบกับเหตุการณ์นองเลือดที่รุนแรงที่สุดในรอบสองทศวรรษ ใครก็ตามที่อาศัยอยู่ที่นี่ในประเทศไทย และรู้ถึงประเทศไทย และชื่อเสียงว่าพร้อมไปด้วยความความมีน้ำใจคงจะบอกคุณได้ว่า ประเทศนี้ได้เปลี่ยนไปนับตั้งแต่ฝ่ายพันธมิตรเสื้อเหลืองได้เข้ายึดสนามบินนานาชาติในปี ๒๕๕๑ ผลักดันให้อภิสิทธิ์เข้ามาสู่อำนาจ ทักษิณผู้ถูกปล้นอำนาจจากการทำรัฐประหารในปี ๒๕๔๙ ในขณะที่เขาดำรงตำแหน่งนั้น ก็ไม่ได้เป็นแบบอย่างเช่นเดียวกัน แต่ศักดินาไทยตกที่นั่งที่คอยหลอกตัวเองเกี่ยวกับความเป็นประเทศไทยใหม่ จนมาตาสว่างเมื่อศูนย์การค้าอันเป็นที่นิยมของตัวเองถูกเข้ายึดครองจากคลื่นมหาชนที่ต้องการประกาศสิทธิของตัวเอง และสิทธิในการเลือกตั้งให้ปรากฏเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว

ตัวอย่างเช่น สองวันก่อนที่ศาลคดีอาญาจะนัดพิพากษาอันไม่ชอบมาพากลของคดีทักษิณที่กำลังอยู่ในระหว่างการหลบหนี และทรัพย์สินของเขาซึ่งรัฐกำลังทำการอายัดอยู่ สถานีทีวีของรัฐบาลไทยแพร่ภาพอภิสิทธิ์พร้อมด้วยใบหน้าที่แหกยิ้มที่ทำเนียบรัฐบาลในเวลาทีคนไทยส่วนใหญ่กำลังนั่งใจจรดจ่อที่บ้านด้วยความหวาดกลัวว่าจะเกิดความโกลาหล อภิสิทธิ์วางมาดอย่างอาจหาญต่อหน้ากล้องทีวี

ปณิธาน วัฒนายากร โฆษกรัฐบาลอ้างว่า คนไทยหลายคนต้องการเห็นที่ทำงานของนายกฯ ซึ่งพวกเขาไม่เคยมีโอกาสได้เห็นมาก่อน บ่งบอกได้ถึงแนวความคิดของเจ้าหน้าที่รัฐที่ตัดขาดในเรื่องการรับรู้ ถึงภัยคุกคามในโลกแห่งความจริงของเสื้อแดงที่กำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ

อภิรักษ์ วรรณสาธพ ที่ปรึกษาอิสระ ซึ่งเคยเป็นพยานในเหตุการณ์จลาจลที่นองเลือดเมื่อ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ นำโดยนักศึกษา และชนชั้นกลางในกรุง ยืนยันว่าสภาพแวดล้อมทางการเมืองของไทยในขณะนี้นั้นได้พัฒนาขึ้นไปมาก เขากล่าวว่า “มีรากฐานที่ต่างกัน และมวลชนมีวุฒิภาวะมากขึ้น ผู้ประท้วงเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแต่มาจากพื้นที่ชนบท แต่พวกเขายังเป็นคนทำงาน และผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในเมือง” อภิรักษ์ให้ข้อคิดว่า หากเสื้อแดงถูกบังคับให้ลงใต้ดิน สถานการณ์จะเลวร้ายยิ่งขึ้น เขากล่าวหากถูกกดดันจากนานาชาติแล้ว จะทำให้อภิสิทธิ์ลาออกแน่

สุรนันท์ เวชชาชีวะ ญาติของอภิสิทธิ์ ซึ่งทำงานให้กับสมัยรัฐบาลทักษิณ กล่าวว่า การเมืองในประเทศไทยจะไม่เหมือนเก่าอีกต่อไป เป็นอะไรที่เขากล่าวว่า ญาติของเขาพลาดที่จะทำความเข้าใจ นักวิเคราะห์หลายคนถกเถียงในเรื่องการเมืองไทยในวาระก่อนหน้า และภายหลังรัชสมัยปัจจุบัน และประเด็นการสืบสันตติวงศ์ เป็นเสียงที่ดังระงมเป็นครั้งแรกของการดิ้นรนอย่างทรมานของประเทศไทย ซึ่งเป็นที่สุดของรากฐานที่เกิดความขัดแย้งนี้

ที่สำคัญที่สุดคือ อภิสิทธิ์ต้องออก เพราะพรรคประชาธิปัตย์ของเขาที่ทำการคว่ำบาตรการทำประชามติของทักษิณในปี ๒๕๔๙ แผ้วทางให้เกิดการทำรัฐประหาร กฎหมายหมิ่นฯ ที่เหี้ยมเกรียมที่สุดของประเทศได้ถูกอำนาจของอภิสิทธิ์นำมาใช้อย่างเมามัน เพียงเพื่อมอบอำนาจฉุกเฉินอย่างเหลือเฟือในการใช้ดุลพินิจเชิงอำนาจของกองทัพ ผลก็ชัดเจนอย่างที่เห็นๆกันอยู่

No comments:

Post a Comment