ที่ใดมีการกดขี่ ที่นั่นย่อมมีการต่อสู้ << "ความเชื่อ" มักไม่ได้รองรับด้วยเหตุผล "ความเชื่อ" มักไม่ทนต่อความจริง "ความเชื่อ" มักอิงสิ่่งที่พิสูจน์ไม่ได้ >>
Wednesday, April 7, 2010
รัก “ประชาธิปไตย” ต้องก้าวพ้น “ทักษิณ” และ…ต้องปกป้อง “ทักษิณ”
คำว่า “ประชาธิปไตย” ใครเป็นคนพูด หรือ พูดกันกี่ที มันก็ฟังดูดีทั้งนั้น แต่ในบรรดาคนที่อ้างตัวว่า “รักประชาธิปไตย” หรือ “ทำเพื่อประชาธิปไตย” ทั้งหลาย มีสักกี่คนกันที่เข้าใจความหมายของประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
แล้วประชาธิปไตยคืออะไรกันแน่? แล้วมันดีจริงอย่างที่พวกเราเรียกร้องกันหรือไม่?
ไม่ว่าพวกปากว่างสมองกลวงจะพยายามสร้างคำสวยหรูมาเป็นกำแพงแก้วล้อมรอบกรอบบิดเบือนคำว่า “ประชาธิปไตย” มากเพียงใด คำจำกัดความของประชาธิปไตยที่ยอมรับและใช้กันแพร่หลายที่สุดก็น่าจะเป็นดังประโยคข้างล่างนี้
Democracy is the government of the people, by the people, for the people.
Abraham Lincoln
หรือที่แปลเป็นไทยว่า “ประชาธิปไตยคือการปกครองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน” คราวนี้ประเด็นมันก็มาอยู่ตรงที่ว่าใครคือ “ประชาชน”? มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ทุกคนจะคิดตรงกันเหมือนกันไปหมดในทุกๆ เรื่องและเนื่องจากว่าทุกคนต่างก็เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยเท่าๆ กัน ดังนั้นตัวตัดสินชี้ขาดในระบอบของประชาธิปไตยจึงตกเป็นหน้าที่ของ “เสียงข้างมาก” นั่นเอง ประชาชนทุกคนมีสิทธิในการเลือกจุดยืนทางการเมืองและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจอย่างเสมอภาคผ่านระบบการโหวต จะเป็นการโหวตโดยตรงหรือผ่านตัวแทนก็ว่ากันไปตามกรณี ข้อตกลงที่ได้รับมติจากเสียงข้างมากย่อมเป็นคำตอบสุดท้ายอันไม่มีอำนาจเถื่อนอื่นใดจะมาล้มล้างลงได้ นี่คือกติการ่วมกันของระบอบประชาธิปไตยที่ใช้กันอยู่อย่างสากล ถ้าไม่ได้ยึดมั่นในกติกาสากลอันนี้ ต่อให้ร้องแรกแหกกระเชิง เขียนประดับไว้ในรัฐธรรมนูญทุกบรรทัด หรือเกณฑ์คนมาถือป้ายทั่วบ้านทั่วเมือง มันก็เป็นได้เพียงแค่ภาพลวงตา เป็นเพียง “ประชาธิปไตยตอแหล” เท่านั้นเอง
การปกครองที่คนกลุ่มหนึ่งอุปโลกน์ตนเองว่าเป็นคนดี ยัดเยียด “ความดี” ของตนเองให้คนหมู่มากคล้อยตาม และปกครองโดยการกดหัวประชาชนนั้นย่อมไม่ใช่ประชาธิปไตยอย่างแน่นอน “การปกครองของคนดี โดยคนดี เพื่อคนดี” เช่นนั้นคือนิยามการปกครองของพวกเผด็จการ หรือจะเรียกให้สวยหรูแบบไทยๆ ว่า “ธรรมาภิบาล”
คำว่า “ประชาธิปไตย” ไม่ได้ให้การรับรองว่าเราจะได้ “คนดี” มาเป็นผู้นำวางนโยบายปกครองประเทศ แต่ประชาธิปไตยให้การรับรองว่าประชาชนเท่านั้นที่จะเป็นผู้ได้รับประโยชน์สูงสุด ทุกอำนาจย่อมมีที่มาจากประชาชน และผู้ใช้อำนาจนั้นก็จะต้องอยู่ภายใต้การคานอำนาจอย่างสมดุล
แล้วคราวนี้ประชาธิปไตยมาเกี่ยวข้องกับ “ทักษิณ” ได้อย่างไร? และชื่อเรื่องวกวนกวนประสาทของผมที่ตั้งว่า “รักประชาธิปไตยต้องก้าวพ้นทักษิณและ…ต้องปกป้องทักษิณ” พยายามจะสื่ออะไร?
ความเกี่ยวข้องของประชาธิปไตยและทักษิณก็คือคำว่า “มติเสียงข้างมาก” นั่นแหละ
ก่อนอื่นต้องขอบอกกว่าเลยว่า คำว่า “ทักษิณ” สองคำในชื่อเรื่อง “รักประชาธิปไตยต้องก้าวพ้นทักษิณและ…ต้องปกป้องทักษิณ” นี้สื่อความหมายแตกต่างกันและต้องแยกให้ออกจากกันโดยสิ้นเชิงด้วย
“ทักษิณ” ตัวแรกที่ผมบอกให้ “ก้าวพ้น” มันไปซะ คือ อคติต่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ไม่ว่าจะเป็นอคติจากความรัก ความเกลียด มโนภาพ มายาคติ ความเชื่อที่มีต่อบุคคลชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” หรือ “ระบอบทักษิณ”
“ทักษิณ” ตัวที่สองที่เราต้อง “ปกป้อง” คือ “ทักษิณ ชินวัตร” ในฐานะที่เป็นตัวเลือกของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย เป็นผู้นำที่ได้รับสิทธิอันชอบธรรมจากมติเสียงข้างมาก (สำหรับพวกที่จะเข้ามาบอกว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีจากเสียงข้างมากในสภาฯ ผมขอให้เอาหัวไปเลี้ยงแมลงวัน อย่าได้มาพล่ามแถวนี้ให้รำคาญหูรำคาญตา)
นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่งที่เหล่าบรรดานักวิชาการ สื่อมวลชน และผู้ “มีการศึกษา” ที่แย่งกันสวม “หน้ากากประชาธิปไตย” และ “หน้ากากความเป็นกลาง” แห่ออกมาพูดตามหน้าสื่อทุกวันนี้ ต่างไม่มีใครก้าวพ้นจาก “ทักษิณ” ในความหมายแรกไปได้เลย พวกเขาเหล่านี้ต่างจมปลักกับอคติเดิมๆ (ซึ่งจะว่าไปแล้ว อคติเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาเองสรรค์สร้างขึ้นมาเองภายใต้วาทกรรม “ระบอบทักษิณ”) พวกเขาจึงทำได้เพียงสำรอกความคิดอุบาทว์ออกมาเรียกร้องความสนใจและปั่นหัวประชาชนไปวันๆ ไม่ต่างจากหนอนในถังขี้ที่ทั้งชีวิตก็ว่ายวนอยู่ท่ามกลางของปฏิกูล จะกิน จะถ่าย หรือผสมพันธุ์ก็ล้วนแต่เกลือกกลั้วอาจมได้โดยไม่ต้องรังเกียจ ไม่ต้องอาย
พวก “ปัญญาชน” เหล่านี้เรียกร้องประชาธิปไตยด้วยการละเลย (หรือที่หนักหน่อยก็ต่อต้าน) มติเสียงข้างมาก!!???!! ไม่ต่างจากคนใส่สูทเดินเข้าร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วสั่งก๋วยเตี๋ยวแต่ไม่เอาเส้น ถ้าไม่ใช่ว่าโง่จนไม่รู้ว่าก๋วยเตี๋ยวคืออะไรก็ต้องเป็นคนบ้าอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกันก็ดูเหมือนโลกจะเล่นตลก คนเสื้อแดงที่ส่วนใหญ่เป็นรากหญ้า เป็นชนชั้นล่าง บางท่านก็ไม่ได้มีโอกาสเล่าเรียนในระดับสูงๆ กลับเข้าใจบทบาทการเคลื่อนไหวของตนอย่างไม่น่าเชื่อ หากมองผิวเผิน เสื้อแดงก็ดูเหมือนจะเป็นแค่กลุ่มคนที่รักทักษิณ อยากให้ทักษิณกลับมาสู่อำนาจ แต่หากลองใช้วิจารณญาณพิจารณาอย่างลึกซึ้ง ก็จะพบว่าพวกเขากำลังปกป้อง “ทักษิณ” ในความหมายที่สองอยู่ เขาปกป้องผู้ที่ได้รับเลือกจากมติเสียงส่วนใหญ่ ต่อต้านอำนาจเถื่อนที่ไม่ได้รับความเห็นชอบจากประชาชน และที่สำคัญที่สุด พวกเขากำลังปกป้องสิทธิเสียงของตนเอง
ผมยอมรับผมเข้าข้างแนวทางการเคลื่อนไหวเสื้อแดงแน่นอน แต่ผมขอยืนยันว่า “เสื้อแดงทุกคนในวันนี้ได้ก้าวพ้น(อคติต่อ)ทักษิณไปแล้วโดยสิ้นเชิง” หรือจะพูดให้สวยหรูหน่อยก็คือ “เสื้อแดงก้าวพ้นทักษิณ…ด้วยการปกป้องทักษิณ” ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” เพียงถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ในเชิงรูปธรรมที่เห็นได้ชัดที่สุดในการเคลื่อนไหวของพวกเขาแค่นั้นเอง
และใครก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า การต่อสู้ของมวลชนเสื้อแดงในวันนี้เป็น “แนวร่วมประชาชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทรงพลังที่สุดและบริสุทธิ์ที่สุด” เท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศนี้
มีคำกล่าวหนึ่งที่พวก “ปัญญาชนสั่งก๋วยเตี๋ยวไม่เอาเส้น” ชอบสำรอกออกมาเสียเหลือเกิน คือ “เสื้อแดงเป็นพวกถูกจ้างมาทั้งนั้น” ผมเองก็ไม่อยากจะเถียงเรื่องนี้สักเท่าไร เพราะผมก็คิดว่าเสื้อแดงก็ถูกจ้างมาจริงๆ….
ทว่าค่าจ้างของพวกเขาไม่ใช่เงิน หากแต่จ่ายเป็น “สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค” ในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง
ค่าจ้างระดับนี้คนเดินดินธรรมดาอย่างชายที่ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ไม่มีปัญญาจะจ่ายได้แน่นอน
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment