Monday, April 26, 2010

เจาะใจ ไพร่หมื่นล้าน "ธนาธร ไทยซัมมิท" ..ถ้าไม่พูดเรื่องความเท่าเทียมกันวันนี้ ก็ไม่รู้จะไปพูดวันไหน

วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2553 เวลา 10:22:09 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์


นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์สังคมการเมืองไทยได้อย่างถึงกึ๋น ตรงไปตรงมา อะไรทำให้เขาผู้นี้มีมุมมองที่แตกต่างจากนักธุรกิจทั่วไป หากคุณอยากรู้ต้องอ่านบทสัมภาษณ์ที่เผ็ดร้อนชิ้นนี้โดยพลัน ... !!

"ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หรือ "เอก" รองประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทไทยซัมมิท เป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง เพียงไม่กี่คนในประเทศไทย ที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์สังคมการเมืองไทยได้อย่างถึงกึ๋น ตรงไปตรงมา ปัจจุบันธนาธรกำลังสนุกกับการสร้างอาญาจักรหมื่นล้าน ไทยซัมมิท อะไรทำให้นักธุรกิจหนุ่มวัย 30 ปีผู้นี้มีมุมมองที่แตกต่างจากนักธุรกิจทั่วไป หากคุณอยากรู้ต้องอ่านบทสัมภาษณ์ที่เผ็ดร้อนชิ้นนี้โดยพลัน !



@ ก่อนเหตุการณ์รัฐประหาร เคยไปดูการชุมนุมของประชาชนบนท้องถนน
ผมไปนานมั้ย ผมไปจนถึงตอนประกาศก่อนมาตรา 7 พอประกาศมาตรา 7 เราก็รู้แล้วว่า นี่มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องในแนวทางประชาธิปไตย ผมเคยให้สัมภาษณ์สื่อที่ criticize ทั้งคุณทักษิณ (ชินวัตร) criticize ทั้งคุณอาผม (สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) ผมก็ออกมาเป็นคนแรก ๆ ที่ criticize เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนเหมือนกัน แน่นอนที่สุด ถ้ามีผลประโยชน์ทับซ้อนก็ต้องว่ากัน แต่ผมคิดว่าการแก้ปัญหาควรอยู่ในกรอบหลักประชาธิปไตย ซึ่งการที่พันธมิตรฯเรียกร้องมาตรา 7 ผมคิดว่าเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบที่ 19 กันยายน 2549
ตั้งแต่ตอนนั้นก็ไม่ได้เข้าร่วม ตอนที่ผมเข้าร่วมสังเกตการณ์ผู้ชุมนุม ตอนนั้นยังไม่เป็นเสื้อเหลืองด้วยซ้ำไป ตอนที่มันเป็นเสื้อเหลืองมาเป็นหลัง ๆ แต่ช่วงแรก ๆ ของคุณสนธิ (ลิ้มทองกุล) ยังไม่ได้เริ่มเสื้อเหลืองด้วยซ้ำไป แต่พอประกาศมาตรา 7 ผมก็ถอยเลย


@ แล้วตอนนั้นทำยังไงครับ ซ้ายก็ไม่ใช่ ขวาก็ไม่ใช่
อืม...ผมก็พยายามหาที่ลงทางการเมืองเหมือนกัน (นะ) ในทางจุดยืน แต่ท้ายที่สุดผมคิดว่าพอมันเริ่มชัดเจนว่าเสื้อสีเหลืองยืนเพื่ออะไร และเสื้อสีแดงยืนเพื่ออะไร ก็คิดว่าเราชัดเจนในจุดยืนทางการเมือง ผมก็พูดไม่ถูกว่ามันเริ่มเมื่อไหร่ แต่อย่างแรกเรารู้สึกในเชิงหลักการ เราไม่เอาด้วยกับเสื้อเหลืองแน่นอนอยู่แล้ว พอเสื้อแดงมาแรก ๆ ก็มีข้อกังขาเยอะในเชิงจุดยืน แต่ท้ายที่สุดผมคิดว่าคนเสื้อแดงได้พิสูจน์ตัวเองมาพอสมควร โอเค อาจจะมีเรื่องทักษิณบ้าง อะไรบ้าง แต่ว่าข้อเสนอของเขาส่วนใหญ่มันตอบโจทย์ประชาธิปไตยของไทยได้


@ รู้สึกยังไง ตอนเสื้อเหลืองก็ไม่เอาทักษิณเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน แต่เสื้อแดงวันนี้ก็มีเรื่องของทักษิณอยู่
ผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องทักษิณแล้ว ณ วันนี้จะ defend ทักษิณก็ต้อง defend ทักษิณ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ชอบทักษิณก็ตาม แต่ต้อง defend ทักษิณในฐานะที่เป็นตัวแทนของประชาธิปไตยแบบตัวแทนที่ถูกรัฐประหาร
ฉะนั้น ผมคิดว่าเวลาเราดูข้อเสนอของคนเสื้อแดง ณ วันนี้ คำว่าไพร่กับคำว่าอำมาตย์ ใครศึกษาโพสต์โมเดิร์น อาจต้องไปศึกษาหน่อยว่า คำว่าไพร่และอำมาตย์ วันนี้มันกลับมามีความหมายอีกครั้งอย่างทรงพลังด้วย ที่เสื้อแดงนำเสนอ
ทำไมเราถึงต้องสนับสนุนเสื้อแดง ผมคิดว่าดูที่ข้อเสนอคำว่าไพร่กับอำมาตย์ มันเป็นคีย์เวิร์ด ไม่ได้ถูกคิดมาอย่างลอย ๆ อำมาตย์ อะไรคือความหมายของคำว่าอำมาตย์ ผมคิดว่าความหมายของอำมาตย์ มันไม่ใช่ข้าราชการอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่ผมคิดว่าถ้าจะนิยามให้ถูกว่าอำมาตย์ในภาวะปัจจุบันคืออะไร ผมคิดว่าคือคนที่มีอำนาจ และไม่ถูกตรวจสอบ คนที่มีอำนาจ และไม่มีกลไก check and balance และในสังคมประชาธิปไตย อำนาจมาพร้อมกับความรับผิดชอบ
ณ วันนี้คนกลุ่มหนึ่งในสังคมไทย ที่มีอำนาจและปราศจากความรับผิดชอบใด ๆ เลย มีคนที่มีอำนาจและไม่ถูกตรวจสอบ ผมเคยพูดว่า ผมคิดว่าไม่มีใครบอกว่าประชาธิปไตยแบบตัวแทน แบบรัฐสภาคือระบบที่ดีที่สุดในโลก แต่มันเป็นระบบที่เลวร้ายน้อยที่สุด เพราะต่อให้ทักษิณเลวร้ายเท่าไหน คุณตรวจสอบทักษิณได้ คนรู้ว่าในช่วง 2 ปี สุดท้ายของทักษิณ ทักษิณโดนตรวจสอบทุกเรื่อง
นี่คือเหตุผลที่เราต้องต่อสู้ ที่วันนี้เราต้องกล้าฟันธงว่าจุดยืนของเราในฐานะมนุษย์คุณเลือกอะไร คุณเลือกอำนาจที่คุณมีสิทธิ์ตรวจสอบ มีสิทธิ์ลงโทษได้ กับอำนาจที่คุณไม่สามารถทำอะไรได้เลย คุณเลือกอะไร นี่คือโจทย์ใหญ่ ซึ่งเสื้อแดงเสนอว่า สังคมจะเลือกอะไร


@ วีระ มุสิกพงศ์ เปรียบเทียบว่า นี่คือการต่อสู้ระหว่างคนที่ได้เปรียบและเสียเปรียบทางสังคม
วันนี้สิ่งที่เสื้อแดงเสนอคือ การปลดแอก ไม่เพียงแต่รากหญ้า แต่กำลังปลดแอกว่าคนทุกคนควรมีโอกาสเท่าเทียมกันในสังคม ไม่จำเป็นต้องเข้าไปหาคนชั้นใน เพื่อที่จะเติบโตในเศรษฐกิจ ฉะนั้น ในแง่นี้ผมก็เป็นไพร่คนหนึ่ง เพราะผมไม่ต้องการให้คู่แข่งของผมมาเอาชนะผมได้เพราะอำนาจรัฐ แต่เรามาแข่งกันอย่างเสรี คุณกับผมมาแข่งกัน พัฒนาเทคโนโลยี ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ใครทำได้ดีกว่าคนนั้นเอาชนะใจลูกค้าไป


@ เข้าไปดูม็อบเสื้อแดงช่วงนี้เห็นอะไรบ้าง ได้คุยกับชาวบ้านบ้างมั้ย
ก็มีบ้าง คือ ผมเห็นม็อบเขาอยากจะบีบสิวให้แตกซะทีนะ แต่ปัญหาคือ ผมคิดว่าผู้นำของม็อบตอนนี้กำลังพยายามที่จะตอบสนองความรู้สึกของชนชั้นกลางมากกว่าตอบสนองความรู้สึกมวลชนตัวเอง เหมือนมีสิวที่คาอยู่หลายปี จะหายมันต้องบีบสิว ทำให้มันแตกออกมา แต่ปัญหาคือ แกนนำยืนหยัดในสันติวิธี แกนนำมั่นคงในเส้นทางนี้ ซึ่งต้องชื่นชม
ถ้าเสาร์แรกมาแล้วลุยเลย เกมนี้เสื้อแดงแพ้ไปแล้ว ทีแรกผมยังไม่คิดว่าเสื้อแดงจะยืนหยัดได้นานขนาดนี้
ตอนนี้ปัญหาน่าจะกลับมาอยู่ที่สื่อแล้วก็คนเมือง อาจต้องช่วยขยายความด้วยว่า อย่าเอาความสุขเฉพาะหน้ามาแลกกับประชาธิปไตยระยะยาว คนชั้นกลางพูดอย่างเดียวว่ารถติด นักลงทุนไม่มา นักท่องเที่ยวไม่มา คือ เฉพาะหน้าทั้งนั้นเลย แต่ผมกำลังบอกว่าสิ่งที่เสื้อแดงต่อสู้ ณ วันนี้ มันมีค่ากว่านักท่องเที่ยวอีกล้านคนในปีนี้มากนัก
มันกำลังกำหนดเส้นทางอนาคตของประเทศ ว่าเราจะไปยังไงกันดี เราจะอยู่ในระบบที่มีผู้มีอำนาจแล้วตรวจสอบไม่ได้อีกต่อไปหรือเปล่า นี่คือคำถาม ณ วันนี้ที่สังคมไทยต้องตอบ
ฉะนั้น สังคมไทยต้องเลือก อย่าให้คำถามเฉพาะหน้าพวกนี้มาบดบังคำตอบของประชาธิปไตยไทยว่าเราจะเดินไปทางไหน ไม่เกี่ยวกับทักษิณด้วย
ต่อให้ผู้มีอำนาจเลวร้าย โกงกิน ผมยังยืนยันว่า ผมเลือกสังคมไทยที่ตรวจสอบผู้มีอำนาจได้ สิ่งหนึ่งที่เป็นสิทธิ์ของมนุษย์ในสังคมที่ซับซ้อนอย่างวันนี้ก็คือ สิทธิ์ในการเลือกผู้นำ ผมต้องเลือกผู้นำของผมได้ว่าใครจะมานำผม


@ สมมติถ้าม็อบแดงแพ้ สลายไป สังคมไทยได้อะไรบ้าง
จินตนาการหลุดไปแล้วหนึ่ง อย่างที่ผมพูด คือ 5 ปีที่แล้ว ไม่มีใครพูดเรื่องพลเอกเปรม เป็นไปได้ในสังคมไทย ผมคิดว่าต่อให้เสื้อแดงถูกปราบ แต่อุดมการณ์แบบนี้มันไปไกลกว่านั้น ต่อให้ไม่มีเสื้อแดง พรุ่งนี้ก็จะมีเสื้อสีเขียวมาต่อแดง ต้องมีใครมาต่อจากคุณวีระ ผมว่ามันมาไกลกว่าที่จะย้อนกลับไปจุดเดิม
ในสายตาผมคนเสื้อแดงไม่มีทางแพ้ ขึ้นอยู่กับว่าจะชนะยังไง แล้วเมื่อไหร่เท่านั้นเอง ฉะนั้นวันนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่นองเลือด เงื่อนไขแรกคือ ผมคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะยุบสภาก่อนตุลาคม เพราะว่าคุณประยุทธ์ (จันทร์โอชา) ได้ขึ้น ตุลานี้ยังไงก็แล้วแต่คุณประยุทธ์ จันทร์โอชาต้องขึ้นสถานเดียว ไม่มีออปชั่นอื่น รัฐบาลจะยุบสภาก่อนคุณประยุทธ์ขึ้นไม่ได้ นั่นถึงทำไม 9 เดือน หรือ 3 เดือนไม่ได้
หลังจากนั้นผมคิดว่ารัฐบาลไม่ซื้อเวลาเพื่อหาทางว่าจะเลือกตั้งชนะยังไง ทุกคนรู้ว่าเลือกตั้งแพ้ความเสียหายมันใหญ่หลวงแค่ไหนกับอำมาตย์ ฉะนั้น ยุบสภาไม่ได้ อย่างแรกคือต้องตรึงทหารไว้ก่อนคุณประยุทธ์ขึ้น
อย่างที่ 2 ต้องคิดต่อว่า ทำยังไงประชาธิปัตย์ถึงกลับมา ปัญหาคือ ถ้าเสื้อแดงกลับมาแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ จัดวางระบบสังคมใหม่ เอาอำมาตย์ เอาทหารออกไป ผมคิดว่าคนกลุ่มนี้ไม่ยอม
ถ้าเสื้อแดงสู้แล้วดัน หรืออะไรก็แล้วแต่ หรือรูปแบบการต่อสู้ คือ สู้วันนี้แล้วกดดันให้มากขึ้นเรื่อย ๆ หรือหลังการเลือกตั้ง พยายามไปเปลี่ยนแปลงบริบทกฎเกณฑ์ที่ไปกระทบตรงนั้นเมื่อไหร่ ผมคิดว่าเราน่าจะได้เห็นรัฐประหารกันอีกรอบ ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่เกินไปเลย เพราะเขารู้ว่าการเดิมพันครั้งนี้มันสูงขนาดไหน
การเดิมพันครั้งนี้มันสูงมาก แพ้ไม่ได้ ถ้าต้องเอารถถังมาอีกรอบก็เอา ผมคิดอย่างนั้นเลยนะ ถ้าคุณจะกดเสื้อแดงลงอีกรอบ แต่อย่างที่บอก อาจจะชั่วคราว เสื้อแดงอาจจะแพ้สลายตัว แต่สิ่งที่เสื้อแดงทิ้งไว้มันคือเรื่องประชาธิปไตย ซึ่งท้ายที่สุดอำนาจแบบนี้อยู่ไม่ได้
รัฐบาลยังถือไพ่เหนือกว่าอยู่ดี เสื้อแดงยังหาทางชนะยาก คุณลุยกดดันมากกว่านี้ รัฐประหารออกมา คุณยุบสภาแล้วเลือกตั้งชนะ แล้วไปแตะต้องมากไป ทหารก็ออกมาอีก


@ คิดว่าสุดท้ายเสื้อแดงจะจบยังไง
ในการเจรจาที่ผ่านมา ผมคิดว่าในเชิงความมัน ในเชิงการซัดหน้ากัน เสื้อแดงซัดได้เข้าเป้ามากกว่า แต่ในเชิงผลการเจรจา เสื้อแดงเสียมวยไปนิดหนึ่ง ถามว่าหมัดตรงเข้าหน้าคุณอภิสิทธิ์มันเยอะมาก นับไม่ถูกเลย แต่ถ้าถามผลการเจรจา ความมันส์เสื้อแดงมันส์กว่าแต่แพ้คะแนน
แต่อย่างที่บอก เราต้องคิดว่า การรบครั้งนี้เป็นการรบระยะยาว เป็นจินตนาการของสังคมใหม่ ถ้าเราอธิบายให้มวลชนเข้าใจได้ว่า นี่คือจินตนาการของสังคมใหม่ที่ไม่ได้สร้างในวันเดียว ต้องมารวมตัวกันอีก 10 ครั้ง 100 ครั้ง คนก็มา ถ้ารู้ว่ามันไปสู่อะไร ผมคิดว่าอาจจะต้องปูทางตรงนั้น แต่ตอนนี้มันไกลไปกว่ามานั่งเถียงตรงนั้น วันนี้คือ จะจบยังไง จะลงยังไง ไม่ให้เสียมวลชน เอาไปลุยผิดแน่นอน ดีไม่ดีพาคนไปตาย ทางเลือกของคุณวีระมีน้อยจริง ๆ


@ สรุปแล้วเราอาจอยู่ในวังวนกับอำนาจที่ตรวจสอบไม่ได้ไปอีกยาวนานหรือเปล่า
ผมยังเชื่อว่า แนวคิดแบบนี้ในสังคมมนุษย์มันเป็นสากล มันเลวน้อยที่สุด ผมยังยืนยันในหลักการ ยืนยันในความเชื่อแบบนี้ว่าท้ายที่สุด ความเชื่อ ความหวังแบบนี้ จะได้รับชัยชนะ ผมยังโรแมนติกอยู่ (หัวเราะ)

@ ทำไมคุณถึงอยากเป็นไพร่
เอ่อ...ทำไม ผม ถึงต้องมาให้สัมภาษณ์เนี่ย (หัวเราะ) ไม่เป็นผลประโยชน์ที่ดีกับธุรกิจเลย (หัวเราะ) เข้าเรื่องดีกว่า คือ ต้นทุนของผม คือความเป็นไปของธุรกิจว่า ถ้าให้สัมภาษณ์แล้วเนี่ย ครอบครัว ธุรกิจ อาจจะโดนผลกระทบ แบงก์อาจจะไม่ให้กู้ แต่ถ้าเทียบกันแล้ว ผมยกตัวอย่าง ผมมานั่งคิดว่าทำไมต้องซัพพอร์ต
อย่างนี้ดีกว่า ยามหมู่บ้านผมลางาน 5 วัน ไปม็อบเสื้อแดง คือคนที่ไปอยู่ในนั้นต้นทุนเขากับต้นทุนเราคนละแบบกัน แล้วเขาไปนั่งอยู่ในนั้น มันเป็นอะไรที่มีความหมายกับชีวิตเขา
ผมคิดว่าเรื่องแบบนี้มันวัดกันไม่ได้ คือ ถ้าไม่ออกมาพูดเรื่องความเป็นธรรม ไม่ออกมาพูดเรื่องความเท่าเทียมกันในสังคมวันนี้ ก็ไม่รู้จะไปพูดวันไหนแล้ว


__________________

No comments:

Post a Comment