โดย : อ.ใจ อึ้งภากรณ์
คนเสื้อแดงไม่ควรเลือกเส้นทางการต่อสู้ของทหารหรือนักการเมืองอันธพาลเสธ. แดง พัลลภ ปิ่นมณี หรือ เฉลิม อยู่บำรุง ไม่ใช่คำตอบ
ขบวนการคนเสื้อแดงเป็นขบวนการ มวลชนเพื่อประชาธิปไตยแท้ สิ่งนี้พวกเราไม่ควรลืม ขบวนการมวลชนเสื้อแดงประกอบไปด้วยชาวบ้านชาวเมืองทุกวัย ส่วนใหญ่เป็นคนจนมากกว่าที่จะเป็นคนชั้นกลางหรือคนรวย เราต่อสู้เพื่อล้มอำมาตย์ เพราะอำมาตย์เป็นพวกอภิสิทธิ์ชนที่ใช้ความรุนแรงในการปล้นประชาธิปไตยและ ความเป็นธรรมทางสังคมจากพลเมืองไทย อำมาตย์มีความสุขกับความเหลื่อมล้ำและการใช้เส้นใช้สายกอบโกยผลประโยชน์ พวกเราออกมาเคลื่อนไหวเพราะเราเริ่มเข้าใจว่าถ้าเราไม่ออกมาสู้หรือถ้าเรา ปล่อยให้คนไม่กี่คนสู้ เราจะไม่ชนะและเราจะเป็นทาส
ฝ่ายอำมาตย์และกองเชียร์ของอำมาตย์ในหมู่ชนชั้นกลาง ซึ่งอ้างว่าตัวเองฉลาดมีการศึกษา ย่อมดูถูกประชาชนเป็นธรรมดาว่า “โง่” “เข้าไม่ถึงข้อมูล” “ไม่เข้าใจประชาธิปไตย” “ทำอะไรเองไม่ได้” หรือมีการป้ายร้ายว่า “ถูกทักษิณซื้อ” คนเสื้อแดงจำนวนมากรัก ทักษิณ แต่รักด้วยเหตุผลเพราะ ทักษิณ เป็นนายกคนแรกที่เอาใจใส่ชีวิตคนจน ความรักนี้มีเหตุผลมากกว่าการรัก อำมาตย์ หลายเท่า เพราะ อำมาตย์ ไม่เคยทำอะไรให้พลเมืองส่วนใหญ่ มีแต่การเข้าข้างทหารเผด็จการและการสอนให้คนจนอยู่อย่างสงบท่ามกลางความยาก จนในขณะที่ตัวเองและครอบครัวร่ำรวยมหาศาล
สรุปแล้ว ขบวนการคนเสื้อแดงเป็นขบวนการของ “คนดีคนธรรมดาของสังคม” เราเชื่อมั่นว่ามวลชนปลดแอกตนเองได้ เพราะเราไม่ใช่วัวหรือควาย เราไม่ต้องรอให้คนอื่นมาปลดแอกเรา
พลเมืองไทย เจ็บปวดมานาน ตั้งแต่รัฐประหาร ๑๙ กันยา และการเบ่งอำนาจของอำมาตย์ อำมาตย์และพันธมารฯ ใช้ทุกวิธีทางเลวทรามที่จะทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเรา และแน่นอนปัญหาใหญ่ที่เผชิญหน้าเราทุกวันคือ เราจะล้มอำมาตย์อย่างไร
ในการต่อสู้ ทุกยุคทุกสมัยมีการถกเถียงเรื่องแนวทาง มีการเดินหน้าและถอยหลัง บ่อยครั้งท่ามกลางการถกเถียงเราอาจได้ยินคนเสนอว่า “วิธีการไม่สำคัญ ขอให้ได้ผลก็แล้วกัน” หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า “the end justifies the means” แต่ ความคิดแบบนี้เป็นความคิดที่ผิดพลาดมหาศาล เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง วิธีที่เราใช้ในการต่อสู้มีสายใยผูกพันกับผลเสมอ ไม่แตกต่างจากการขึ้นรถไฟ ถ้าขึ้นรถไฟไปหาดใหญ่ เราไม่มีวันไปถึงเชียงใหม่ได้ มันคนละทาง ถ้าเราชาวเสื้อแดงต้องการประชาธิปไตยแท้ที่ไม่มีอำมาตย์ ไม่มีผู้ใหญ่ที่ใช้เส้นสาย ถ้าเราต้องการสังคมที่เคารพพลเมืองทุกคน และมองว่าพลเมืองจำนวนมากที่ยากจนต้องมีส่วนร่วม เพื่อกำจัดความเหลื่อมล้ำ และเพื่อสร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ เราไม่สามารถใช้วิธีการเดียวกับอำมาตย์ในการต่อสู้ได้ เราต้องใช้วิธีประชาธิปไตย
วิธี ประชาธิปไตย ไม่ได้แตกต่างจากวิธีของอำมาตย์ในเรื่องความรุนแรง ความดุเดือด ความเข้มข้น หรือความกล้าหาญแต่อย่างใด แต่จะแตกต่างในแง่ของวิธีการใช้สิ่งเหล่านั้น วิธีอำมาตย์งอกมาจากผลประโยชน์ของคนชั้นสูงซึ่งเป็นคนส่วนน้อย เขาเลยใช้ความรุนแรงของกองกำลังคนส่วนน้อยที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา (ทหารนั้นเอง) นอกจากนี้เขาใช้อำนาจเงินและอำนาจการเมืองเพื่อควบคุมสื่อและกระบวนการ ยุติธรรม ซึ่งทั้งหมดกระทำไปโดยไม่มีความเป็นประชาธิปไตย ไม่มีสิทธิเสรีภาพ และไม่มีส่วนร่วม เวลาเขาใช้ม็อบก็เป็นม็อบคนชั้นกลางหรือม็อบรับจ้าง แนวคิดของอำมาตย์ย่อมเป็นแนวที่กำหนดจากเบื้องบนและสั่งลงมา และมักเป็นเรื่องหลอกลวงเพราะอำมาตย์เป็นคนส่วนน้อยที่อยากจะหลอกคนส่วนใหญ่ เนื่องจากผลประโยชน์เขาขัดกับคนส่วนใหญ่เสมอ นั้นคือวิธีการของอำมาตย์ ผลคือการครองอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจของคนส่วนน้อยที่กดขี่ขูดรีดคนส่วน ใหญ่
วิธีการ ประชาธิปไตย เน้นเสรีภาพ ความโปร่งใส การถกเถียงแลกเปลี่ยนด้วยปัญญา และที่สำคัญที่สุดคือมีการรวมตัวกันของมวลชนจำนวนมาก เป็นแสนเป็นล้าน ด้วยความสมัครใจ ในไทยมีการต่อสู้แบบประชาธิปไตยประชาชนในช่วง ๒๔๗๕, ๑๔ ตุลา และพฤษภา๓๕ ตรงนี้ชัดเจน เพราะมวลชนพลเมืองธรรมดาออกมาสู้อย่างที่เห็นได้ชัด และเป้าหมายก็ชัดคือ ประชาธิปไตยและความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ การต่อสู้ในช่วงพฤษภา ๓๕ ยังทำให้นักการเมืองไทยรักไทยเข้าใจอีกว่าเขาต้องมองคนจนในมิติใหม่ คือการเป็นผู้ร่วมพัฒนาประเทศ แม้แต่การต่อสู้ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยก็เป็นวิธีการแบบประชาธิปไตยในหลายแง่มุม เพราะมีการให้ความสำคัญกับมวลชน และมีเป้าหมายเพื่อโค่นอำมาตย์และลดความเหลื่อมล้ำ
เวลาอำมาตย์ ใช้กองกำลังและอาวุธ มันเป็นการกระทำของคนส่วนน้อย มันดูเหมือนมีระเบียบวินัย เพราะเป็นการกระทำของกองทัพภายใต้คำสั่งของผู้ใหญ่ รถถังออกมา ทหารออกมา และกราดยิงประชาชน สื่อก็ร่วมด่าประชาชน ฯลฯ แต่เวลาประชาชนใช้กองกำลังและอาวุธในวิธีประชาธิปไตย มันวุ่นวาย มันมีชีวิต มันมีความหลากหลายและเสรีภาพ ลองนึกภาพคนเสื้อแดงยึดรถถังเมื่อปีที่แล้ว ลองนึกภาพการบุกเข้าไปในการประชุมที่พัทยา ลองนึกภาพการไปด่าประท้วงอภิสิทธิ์หรือคนอื่นในจังหวัดต่างๆ เราจะเห็นความต่าง การปฏิวัติของประชาชนจะเป็นแบบนี้ แต่มันมีพลังมหาศาลเพราะมวลชนเรามากกว่าและเราครองใจคนส่วนใหญ่ได้ ในสถานการณ์แบบนี้พี่น้องทหารและตำรวจระดับล่างจะมีความมั่นใจและจะเปลี่ยน ข้างมาอยู่ฝ่ายเรา แต่ที่สำคัญคือประชาชนจะนำทหาร ไม่ใช่ทหารนำประชาชน และจะมีการต่อสู้ภายใต้อุดมการณ์
วิธีการ ต่อสู้แบบประชาธิปไตย เป็นวิธีการที่กระทำภายใต้อุดมการณ์แห่งเสรีภาพและความเป็นธรรม มีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนโครงสร้างอำนาจในสังคม ไม่ใช่เปลี่ยนจากอำมาตย์ “ก” ไปสู่อำมาตย์ “ข” และเพื่อรับประกันว่าจะเกิดประชาธิปไตยจริง มวลชนจำนวนมากต้องมีส่วนในการนำ ในการเคลื่อนไหว และในการเป็น “เจ้าของ” การต่อสู้ ไม่ใช่ปล่อยให้คนหยิบมือเดียวทำให้แทน นี่คือสาเหตุที่วิธี “ก่อการร้าย” เช่นการวางระเบิด การลอบยิง ฯลฯ เป็นวิธีการที่สวนทางกับวิธีประชาธิปไตย ยิ่งกว่านั้นการก่อการร้ายนำไปสู่การปราบปรามอย่างเหี้ยมโหดโดยอำมาตย์ จุดจบคือขบวนการประชาชนเพื่อประชาธิปไตยถูกทำลาย มันมีบทเรียนจากหลายๆ ประเทศเช่น ญี่ปุ่น อิตาลี่ ปาเลสไตน์ ฯลฯ
วิธีการ “ก่อการร้าย” เป็นหนึ่งในแนวทางของคนที่จะหาทางลัดท่ามกลางการต่อสู้ที่ยากลำบาก แต่ทางลัดนี้เปรียบเสมือนทางเข้าซอยเล็กๆ ในกรุงเทพฯ ที่จบลงด้วยทางตัน ในขณะนี้คนเสื้อแดงบางส่วนกำลังหาทางลัดแบบนี้ เพราะไม่มั่นใจในการนำของแกนนำเสื้อแดง และมองไม่ออกว่าจะชนะอย่างไร ผมเองและคนเสื้อแดงหลายกลุ่มหลายคน มองว่าเราต้องสู้เพื่อระบบประชาธิปไตยที่ไม่เหลือซากอำมาตย์ เราต้องตัดอำนาจกองทัพ และเราต้องใช้มวลชนในการกดดันต่อสู้และยึดอำนาจ แกนนำสามเกลออาจมองต่างมุมบ้าง แต่สามเกลอก็มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย เขามีส่วนสำคัญในการกระตุ้นให้มีการสร้างมวลชนเสื้อแดงแต่แรก และเวลาเขาเคลื่อนไหวเขาจะเน้นมวลชน
แต่ปัญหาคือในขบวนการเสื้อแดงมีคนที่หาทางลัดที่เป็นทางตัน เขาเชิดชูทหารอันธพาล อย่าง เสธ.แดง หรือ พัลลภ ปิ่นมณี ซึ่งเป็นคนที่ไม่เคยแสดงอุดมการณ์ประชาธิปไตย ไม่เคยเสนอว่าเราต้องมีสวัสดิการเพื่อแก้ปัญหาความยากจน ไม่เคยพูดถึงการปฏิรูปสังคมอย่างจริงจัง ไม่เคยต่อต้านระบบอำมาตย์ และแถมมีประวัติในการเป็นอันธพาลหรือในการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยการฆ่า ประชาชน(ในกรณีพัลลภ ปิ่นมณี) คนเหล่านี้ โดยเฉพาะ เสธ.แดง ใช้วิธีการของกองกำลังลับๆ ที่มีส่วนคล้ายการก่อการร้าย พวกเราฟังเขาพูดแล้วอาจ “มัน” ฟังเสียงระเบิดแล้วอาจ “สะใจ” แต่หลังจากที่ควันระเบิดจางหายไป เราจะพบว่าเป้าหมายประชาธิปไตยแท้ไม่ได้มาถึงแต่อย่างใด เพียงแต่มีคนบาดเจ็บตาย ร้ายสุดก็กลายเป็นข้ออ้างในการปราบคนเสื้อแดง และดีที่สุดก็แค่มีการเปลี่ยนบุคลากรข้างบน โดยที่โครงสร้างสังคมไม่ได้เปลี่ยนเลย ที่เอ่ยถึงชื่อ เสธ. แดงในครั้งนี้ ไม่ได้แปลว่าผมเห็นด้วยกับการที่อำมาตย์จะกลั่นแกล้งเขาด้วยกฎหมายสอง มาตรฐานแต่อย่างใด แต่เพื่อเสนอว่าเราไม่ควรเดินตามแนวของเขาต่างหาก เพราะมันเป็นทางตันที่จะจบด้วยโศกนาฏกรรม
คนเสื้อแดง บางส่วนเลือกทางลัดที่เป็นทางตันในรูปแบบนักการเมืองอันธพาลด้วย นักการเมืองพวกนี้ถูกเลือกมาเพราะบางคนคิดว่าหัวแข็ง ปากจัด ไม่กลัวใคร แต่นั้นเป็นคุณสมบัติเพียงพอจริงหรือ? การเลือกคุณสมัครมาเป็นหัวหน้าพรรค ทั้งๆ ที่คุณสมัครเคยรับใช้เผด็จการและมีส่วนในเหตุการณ์นองเลือด ๖ ตุลา มีปัญหา แย่กว่านั้นการทำงานร่วมกับนักการเมืองอันธพาลแบบ เฉลิม อยู่บำรุง ก็มีปัญหามาก มันไม่ช่วยให้ประชาธิปไตยเกิดเร็วขึ้นแต่อย่างใด
การหาทางลัด กับอันธพาลจะสร้างอุปสรรค์กับประชาธิปไตย และที่สำคัญมันเสี่ยงกับการทำให้ขบวนการเสื้อแดงมีลักษณะคล้ายๆ พันธมารฯ เราเคยวิจารณ์การ์ดพันธมารฯว่ามันเป็นโจร แล้วภาพของนักรบพระเจ้าตากจะเป็นอย่างไร? เรามีการเปิดโปงความชั่วของนักการเมืองฝ่ายอำมาตย์ แล้วนักการเมืองฝ่ายเราดีงามทุกคนหรือไม่? เราไม่ควรใช้วิธีการและสองมาตรฐานเหมือนอำมาตย์ใช้ ผมไม่ใช่พวก “สองไม่เอา” ที่หาความบริสุทธิ์โดยไม่เลือกข้างแล้วตั้งตัวขึ้นมาเป็นผู้พิพากษา ผมเลือกเป็นคนเสื้อแดง เพราะขบวนการคนเสื้อแดงไม่เหมือนพันธมารฯ และอำมาตย์
ทางลัดคือทางตัน เราต้องสู้เพื่ออุดมการณ์ด้วยวิธีอุดมการณ์
No comments:
Post a Comment